นายวิรไท สันติประภพ อดีตผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทยกล่าวในงานสัมนา Why Nations Fail : บทเรียนที่ประเทศไทย ต้องไม่ล้มเหลว ซึ่งจัดโดยกลุ่มเศรษฐศาสตร์เพื่อสังคมว่า หากจะให้คะแนนในโจทย์ที่ว่า ประเทศไทยในบริบทของ “โอกาสกลายเป็นรัฐล้มเหลว”? นั้น จะให้เพียง 5 เต็ม 10
“การที่ไม่ให้คะแนนต่ำกว่า 5 เพราะมองว่า ประเทศไทยยังมีต้นทุนด้านศักยภาพหลายด้านที่สามารถใช้แก้ไขปัญหาได้ หากลงมืออย่างจริงจัง”
ขณะเดียวกัน การให้คะแนนเพียง 5 ก็ชี้ชัดว่า ประเทศไทยอยู่ในจุดที่น่ากังวลอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในบริบทที่รัฐยังไม่สามารถยกระดับคุณภาพชีวิตของคนส่วนใหญ่ได้อย่างยั่งยืน
ซึ่งหากจะให้มองบน Failing State ในความหมายคือ ไม่ใช่รัฐล้มเหลวในมิติของรัฐศาสตร์ แต่คือ รัฐที่สอบตกจากการไม่สามารถพัฒนาศักยภาพของประเทศอย่างทั่วถึงและยั่งยืน
นายวิรไทกล่าวต่อว่า หากจะให้มองรัฐบาลวันนี้คือ “รัฐพลาด” ไม่ใช่ “รัฐล้มเหลว” แต่ก็ไม่ควรเพิกเฉย เพราะหลายปัญหาที่สั่งสมของประเทศไทย สะท้อนว่า กำลังเป็นบ่อนกัดความสามารถของรัฐในการทำหน้าที่หลัก ได้แก่
ดังนั้น ประเทศไทยอาจยังไม่ล้มเหลว แต่กำลังพลาดอย่างต่อเนื่อง วันนี้ เรายังไม่เรียกว่าเป็นรัฐล้มเหลว ไม่ได้เรียกว่า รัฐสอบตก แต่เป็นรัฐ “กบต้ม” คือ รัฐที่นิ่งเฉยมากขึ้นเหมือน ‘กบ‘ ที่อยู่ในหม้อน้ำร้อน แล้วค่อยๆ ปรับอุณหภูมิสูงขึ้นเรื่อยๆกบจะไม่รู้ว่าร้อน แต่เมื่อถึงจุดที่น้ำร้อน น้ำเดือดแล้ว กบอยากกจะกระโดดออกจากหม้อก็กระโดดไม่ได้แล้ว
คำถามคือทำอย่างไรเราถึงจะไม่เป็น “กบที่นิ่งเฉย”คำถามคืออุณภูมิจะร้อนขึ้นแล้วเราต้องทำอย่างไร เพราะหากไม่ทำอะไร กล้ามเนื้อเราจะอ่อนแรงมากขึ้น จากน้ำเดือดที่มากขึ้น เมื่อถึงเวลานั้นความเสี่ยงของประเทศไทยคงจะเสี่ยงมากขึ้น
เราต้องสร้างตระหนักรู้ร่วมกันและออกจาก “หม้อน้ำที่อุณหภูมิสูงขึ้นเรื่อยๆ โดยไม่นิ่งเฉย ไม่เป็นกบต้ม ก็เชื่อว่าเราจะช่วยกันยกระดับคุณภาพของคนไทยส่านใหญ่ได้