บีโอไอกางแผนโรดโชว์ สหรัฐฯ ญี่ปุ่น ไต้หวัน ดึงลงทุนครึ่งปีหลัง

30 พ.ค. 2568 | 06:27 น.
อัปเดตล่าสุด :30 พ.ค. 2568 | 06:34 น.

บีโอไอ กางแผนโรดโชว์ต่างประเทศ ดึงดูดการลงทุนในช่วงครึ่งปีหลัง 2568 พร้อมเดินทางสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และไต้หวัน เจาะอุตสาหกรรมเป้าหมาย ทั้ง ดิจิทัล เซมิคอนดักเตอร์

วันนี้ (30 พฤษภาคม 2568) นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยกับสื่อในเครือเนชั่นวันนี้ ว่า ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2568 นี้ บีโอไอ เตรียมแผนเดินทางโรดโชว์ต่างประเทศ อย่างน้อย 3 ประเทศที่เป็นตลาดหลัก ประกอบด้วย สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และไต้หวัน เพื่อดึงดูดนักลงทุนเข้ามาในประเทศ โดยเน้นไปที่อุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศ เช่น เทคโนโลยีดิจิทัล และเซมิคอนดักเตอร์ เป็นต้น  

สำหรับการเดินทางโรดโชว์ในช่วงครึ่งปีหลัง จะเริ่มต้นในเดือนมิถุนายน 2568 บีโอไอและคณะจะเดินทางไปไต้หวัน เพื่อดึงดูดนักลงทุนในกลุ่มในกลุ่มเทคโนโลยี ต่อด้วยญี่ปุ่น ในเดือนสิงหาคม 2568 เพื่อพบปะนักลงทุนของญี่ปุ่น และส่งท้ายด้วยการเดินทางไปสหรัฐอเมริกา ในเดือนกันยายน 2568 โดยเน้นการดึงดูดการลงทุนในกลุ่มของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ อิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูง และดิจิทัล

“ในการเดินทางไปสหรัฐฯ ช่วงเดือนกันยายนนั้น จะได้หารือกับนักลงทุนต่อเนื่อง หลังจากในช่วงหลังสงกรานต์ทีนี้ได้ไปพบกับนักลงทุนรายใหญ่ และสมาคมธุรกิจชั้นนำ โดยเฉพาะกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งทุกคนพูดตรงกันซัพพลายเชนของอุตสาหกรรมกลุ่มนี้ยาว ไม่มีทางที่จะลดลงได้ และสหรัฐฯก็ยังต้องการพึ่งพาซัพพลายเชนนอกสหรัฐฯ และอาเซียนก็เป็นพื้นที่สำคัญ ซึ่งประเทศไทยเองก็เป็นประเทศที่มีศักยภาพสูงที่จะรองรับการลงทุนด้านนี้” นายนฤตม์ ระบุ

นายนฤตม์ กล่าวว่า ในการผลักดันอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์นั้น เชื่อว่า ประเทศไทยพร้อมรองรับารลงทุนในอุตสาหกรรมดังกล่าว และยังมีบทบาทมากกว่าปัจจุบัน เนื่องจากสามารถเป็นซัพพลายเชนที่สำคัญของนักลงทุนจากสหรัฐฯ ได้ และจะเป็นโอกาสในการกระตุ้นการลงทุนให้เกิดขึ้นในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง

ส่วนแนวโน้มการลงทุนในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2568 มองว่า การลงทุนยังมีโอกาสเติบโตอย่างต่อเนื่อง แม้จะมีสถานการณ์โลกจะมีความไม่แน่นอนสูง เห็นได้จาก ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ มีคำขอรับการส่งเสริมการลงทุนเข้ามาแล้วกว่า 4 แสนล้านบาท และจากการสถานการณ์การค้าและการลงทุนที่เปลี่ยนไป ยังส่งผลให้เกิดการปรับโครงสร้างซัพพลายเชนของโลกครั้งใหญ่ และมโอกาสที่จะมีการลงทุนเคลื่อนย้ายมาในอาเซียนมากขึ้น

“ในแง่ของการลงทุนในช่วงที่เหลือของปีนี้ น่าจะยังมีความต่อเนื่อง จากการปรับโครงสร้างซัพพลายเชนของโลก โดยเฉพาะการลงทุนสาขาหลัก ๆ เช่น ดิจิทัล ดาต้าเซ็นเตอร์ คลาวด์เซอร์วิส ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญที่จะก้าวสู่ยุคเอไอ รวมไปถึงอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูง และเซมิคอนดักเตอร์ รวมถึงแผงวงจร PCB ที่จะมีการตั้งฐานการผลิตใหม่ในไทยอย่างต่อเนื่องใน 2 ปีที่ผ่านมากว่า 2 แสนล้านบาท” เลขาฯ บีโอไอ ระบุ

ขณะที่อุตสาหกรรมยานยนต์ ยอมรับว่า ที่ผ่านมาตลาดยานยนต์จะยังไม่ฟื้นตัวมากนัก แต่ในบางกลุ่มก็ยังขยายตัวได้ดี เช่น กลุ่มรถยนต์ไฮบริด และปลั๊กอินไฮบริด ที่มียอดขายสูงขึ้น รวมทั้ง BEV ทำให้บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ทั้งญี่ปุ่น และจีน ยังคงขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกันการลงทุนแบตเตอรีละชิ้นส่วนยานยนต์ด้วย