นายชลเดช เขมะรัตนา นายกสมาคมฟินเทคประเทศไทย เปิดเผยว่า ได้ดำเนินการยกระดับระบบการเงินไทยสู่ยุคดิจิทัลอย่างเป็นธรรม โปร่งใส และปลอดภัย โดยมองว่าปัญหาหนี้ครัวเรือนที่สูงกว่า 88% ต่อ GDP จำเป็นต้องได้รับการแก้ไขผ่านนวัตกรรมทางการเงินที่เข้าถึงได้จริง
ซึ่งล่าสุดได้ดำเนินการร่วมกับบริษัท แอมเบอร์สตาร์ จำกัดจัดเสวนาวิชาการ The Future of Thailand’s Financial Sector in the Digital Era: อนาคตการเงินไทยในยุคดิจิทัล
ทั้งนี้ คาดหวังว่าธนาคารรายใหม่ที่จะให้บริการในรูปแบบ Virtual Bank และนโยบายด้าน Open Banking / Open Data จะเปิดโอกาสใหม่ให้ประชาชนเข้าถึงสินเชื่อด้วยต้นทุนที่ต่ำลง และสามารถบริหารจัดการหนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
รวมถึงคุณชลเดชเสนอให้ภาครัฐเร่งผลักดันโครงการ Your Data เพื่อเปิดสิทธิในการเข้าถึงข้อมูลทางการเงินของประชาชนเองอย่างเป็นธรรม ในต้นทุนที่เหมาะสม
นายยอดฉัตร ตสาริกา ที่ปรึกษาด้านกฎหมาย กระทรวงยุติธรรม ผู้แทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า การเงินในยุคดิจิทัลต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของระบบกฎหมายที่เชื่อถือได้ เข้าถึงง่าย และมีประสิทธิภาพ โดยกระทรวงยุติธรรมมีบทบาททั้งในด้านการยกร่างกฎหมายใหม่ เช่น การยกเลิกความผิดอาญาเกี่ยวกับเช็ค
และการพัฒนาระบบอนุญาโตตุลาการ เพื่อส่งเสริมบรรยากาศการลงทุนและการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรม นอกจากนี้ ยังเน้นย้ำบทบาทของกระทรวงยุติธรรมในการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท การส่งเสริมกระบวนการยุติธรรมเชิงรุก และการเข้าร่วมเวทีระหว่างประเทศ เช่น การประชุม UN Congress on Crime Prevention เพื่อแสดงบทบาทเชิงนโยบายด้านกฎหมายเทคโนโลยีของไทย
ดร.ณพลเดช มณีลังกา ที่ปรึกษาผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงนโยบายการผลักดันประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางฟินเทคและข้อมูลดิจิทัลของภูมิภาคผ่านการจัดทำพระราชบัญญัติด้าน Big Data และการส่งเสริมศูนย์ข้อมูลทางการเงิน พร้อมชี้ว่าใบอนุญาต Pico และ Nano Finance ภายใต้กรอบดอกเบี้ยที่เป็นธรรม เป็นเครื่องมือสำคัญในการจัดการหนี้นอกระบบ
อย่างไรก็ดี เสนอให้มีคณะทำงานเฉพาะกิจระหว่างหน่วยงานรัฐเพื่อบูรณาการนโยบายกับการปฏิบัติจริง โดยรัฐบาลมุ่งมั่นจะเป็นศูนย์กลางฟินเทคของภูมิภาค แต่ต้องไม่ละเลยกลไกคุ้มครองประชาชนควบคู่กันไป
บริษัท J Ventures ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ให้บริการสินเชื่อรายย่อยที่ใช้เทคโนโลยี ได้เสนอแนวทางการใช้ Alternative Credit Scoring โดยอาศัยข้อมูลพฤติกรรมเชิงลึก เช่น การผ่อนชำระมือถือ การใช้งานโทรศัพท์ และกิจกรรมออนไลน์ เพื่อประเมินความน่าเชื่อถือของผู้กู้ที่ไม่มีข้อมูลในระบบเครดิตบูโรแบบเดิม รวมถึงผลักดันให้เกิด ระบบแบ่งปันข้อมูลทางเลือกในหมู่ผู้ให้บริการ ซึ่งสามารถช่วยกรองความเสี่ยงและลดการซ้ำซ้อนของหนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
และให้ภาครัฐสนับสนุนกฎหมายที่รองรับฟินเทคอย่างเป็นทางการ และสนับสนุนให้เกิดระบบแบ่งปันข้อมูลระหว่างผู้ให้บริการ เพื่อเพื่อส่งเสริมการแข่งขันอย่างเท่าเทียม โปร่งใส
“เทคโนโลยีควรถูกนำมาใช้เพื่อ วิเคราะห์พฤติกรรมผู้กู้รายย่อย และสร้างรูปแบบการปล่อยสินเชื่อที่สอดคล้องกับวิถีชีวิตของผู้มีรายได้ไม่แน่นอน เช่น การผ่อนรายวันแทนรายเดือน หรือการแจ้งเตือนผ่านระบบอัตโนมัติ รวมถึงการให้ รางวัลจูงใจผู้มีวินัยทางการเงิน เพื่อเสริมสร้างวัฒนธรรมทางการเงินที่ยั่งยืน”