“ศุภชัย” แนะไทยรักษาพื้นที่การคลังด่วน รับมือโลกสงครามการค้า

03 พ.ค. 2568 | 09:30 น.
อัปเดตล่าสุด :03 พ.ค. 2568 | 09:41 น.

ดร.ศุภชัย พานิชภักดิ์ อดีตผอ.องค์การการค้าโลก และอดีตเลขา UNCTAD แนะประเทศไทย เร่งรักษาพื้นที่ทางการคลัง สร้างภูมิคุ้มกันทางการเงินประเทศ แก้กฎระเบียบศุลกากร รับมือโลกสงครามการค้า

วันนี้ (3 พฤษภาคม 2568) ดร.ศุภชัย พานิชภักดิ์ อดีตผู้อำนวยการใหญ่องค์การการค้าโลก (WTO) และอดีตเลขาธิการองค์การสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา (UNCTAD) กล่าวปาฐกถาพิเศษ New World Order: รับมือระเบียบโลกใหม่ ภายในงานครบรอบ 150 ปี กระทรวงการคลัง โดยตอนหนึ่งได้กล่าวถึงแนวทางการรองรับปัญหาของประเทศไทย หลังจากรัฐบาลสหรัฐฯ ประกาศกำแพงภาษีกับประเทศไทยในสัดส่วนที่สูงว่า

ประเทศไทยควรเร่งหาทางรับมือกับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากสถานการณ์สงครามการค้าและการประกาศกำแพงภาษีของสหรัฐฯ โดยต้องมองไปถึงการแก้ปัญหาในระยะยาว โดยเฉพาะการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจเดิม ทั้งด้านอุตสาหกรรมและกระบวนการผลิตที่ล้าสมัย ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการปรับปรุงใหม่

ทั้งนี้ ดร.ศุภชัยมองว่า ที่ผ่านมา ประเทศไทยได้ประกาศยุทธศาสตร์ชาติระยะยาว 20 ปี ซึ่งได้รวมแนวทางสำคัญทุกด้านที่ประเทศควรดำเนินการไว้แล้ว ดังนั้น สิ่งสำคัญคือ ต้องเร่งนำประเด็นสำคัญในแผนดังกล่าวออกมาดำเนินการจริงจัง โดยภายใต้แผนนี้ มีปรัชญาสำคัญคือ “ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” ซึ่งเน้นทางสายกลาง การแสวงหาความรู้ และการถนอมตัวเองเพื่อสร้างภูมิคุ้มกัน

“ตอนนี้ประเทศไทยจำเป็นต้องสร้างภูมิคุ้มกันทางเศรษฐกิจอย่างมาก เมื่อโลกมีปัญหา เช่น ความขัดแย้งที่อาจนำไปสู่สงครามตัวแทน (Proxy War) ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา เราจำเป็นต้องเตรียมพร้อมและรักษาตัวให้ดี โดยควรลงทุนในด้านเศรษฐกิจและสังคม เช่น สุขอนามัย การศึกษา พลังงานสะอาด และเศรษฐกิจสีเขียว เพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต โดยไม่จำเป็นต้องเป็นการลงทุนขนาดใหญ่” ดร.ศุภชัย กล่าว

นอกจากนี้ ดร.ศุภชัยยังเสนอว่า สำหรับโครงการลงทุนขนาดใหญ่ หากจะดำเนินการ ควรเป็นการพัฒนาศูนย์บริการด้านสุขภาพในรูปแบบคอมเพล็กซ์ขนาดใหญ่ ซึ่งจะสอดคล้องกับแนวโน้มความต้องการในอนาคต และควรมีการกระจายตัวในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ

อีกประเด็นสำคัญที่ประเทศไทยไม่ควรมองข้าม คือการสร้าง “พื้นที่ทางการคลัง” (Fiscal Space) เพื่อรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินต่าง ๆ ได้มากขึ้น โดยเฉพาะในบริบทที่โลกอาจต้องอยู่กับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อีกอย่างน้อย 3 ปีข้างหน้า เรื่องนี้จึงมีความสำคัญมาก โดยประเทศไทยต้องพยายามรักษาวินัยการคลัง หลีกเลี่ยงการใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นหรือเกินตัว พร้อมทั้งขอให้กระทรวงการคลังสร้างภูมิคุ้มกันทางการคลังให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

สุดท้าย ดร.ศุภชัยเน้นย้ำว่า ประเทศไทยต้องเร่งแก้ไขกฎระเบียบต่าง ๆ ด้านศุลกากรที่ยังเป็นอุปสรรคต่อการค้าและการลงทุน เพราะจากรายงานล่าสุดของสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐอเมริกา (USTR) พบว่า นอกจากเหตุผลด้านการขึ้นภาษีแล้ว ยังมีการระบุถึงอุปสรรคจากกฎระเบียบด้านศุลกากรจำนวนมาก รวมถึงปัญหาในกระบวนการตรวจคนเข้า-ออกเมือง ซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญของสหรัฐฯ เช่นเดียวกับการอำนวยความสะดวกให้แก่นักลงทุน