วันนี้ (1 พฤษภาคม 2568) ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ศ.กิตติคุณ ดร.สุรชาติ บำรุงสุข อาจารย์ประจำภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยบนเวทีเสวนา Trade war: “เปลี่ยนวิกฤตโลก เป็นโอกาสไทย” ภายในงาน MOF Journey 150 ปี เส้นทางการคลังไทย เนื่องในโอกาสครบรอบ 150 ปี กระทรวงการคลัง ว่า
ปัจจุบันโลกกำลังเผชิญกับระเบียบโลกใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน ภายใต้กระแสการเมืองในรูปแบบ “ทรัมป์ลิซึ่ม” ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกา ซึ่งนับเป็นชุดความคิดทางการเมืองที่ใหม่ที่สุดของโลก และมีลักษณะรุนแรงที่สุด
ศ.ดร.สุรชาติ กล่าวว่า นับจากนี้ไป เชื่อว่าประเทศไทยยังคงเผชิญกับปัญหาต่าง ๆ ทั้งการเมืองที่ยังทุลักทุเล เศรษฐกิจที่ยังผันผวน และสังคมที่ยังคงมีความเปราะบาง รวมไปถึงปัญหาด้านความมั่นคง และภายใต้ปัจจัยที่น่ากังวลในครั้งนี้ สิ่งที่ประเทศไทยควรต้องเตรียมตัวเพื่อรองรับกับสถานการณ์ระเบียบโลกใหม่มีอย่างน้อย 15 เรื่องใหญ่ ซึ่งจะต้องเตรียมตัวอย่างจริงจัง ดังนี้
1.การเตรียมยุทธศาสตร์เศรษฐกิจของไทยชุดใหม่ เพราะที่ผ่านมา การขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี นับว่าล้มเหลว และหากจะผลักดันยุทธศาสตร์ดังกล่าวต่อไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด จะไม่สามารถตอบโจทย์ประเทศได้ในอนาคต ดังนั้นจึงต้องเร่งจัดทำยุทธศาสตร์เศรษฐกิจใหม่ให้สอดคล้องกับสถานการณ์
2.การจัดเตรียมงบประมาณด้านการเงิน โดยต้องจัดสรรงบประมาณประจำปีให้เหมาะสมกับขนาดของ GDP และสามารถรองรับวิกฤตเศรษฐกิจที่อาจเกิดจากระเบียบใหม่ของประธานาธิบดีทรัมป์
3.การเตรียมพร้อมของภาคสังคม โดยรัฐบาลต้องพร้อมรับมือกับปัญหาด้านความมั่นคงของประชาชน จากความเสี่ยงเศรษฐกิจชะลอตัว ซึ่งอาจนำไปสู่การปิดกิจการและการว่างงานเพิ่มขึ้น รวมถึงการดูแลค่าครองชีพ
4.การเตรียมความพร้อมของภาคการผลิต เพื่อรองรับปัญหาการแบ่งขั้วทางเศรษฐกิจ โดยต้องผลิตสินค้าให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด
5.การเตรียมความพร้อมของภาคอุตสาหกรรม จากผลกระทบของการขึ้นภาษีโดยสหรัฐฯ
6.การเตรียมความพร้อมของภาคการเกษตร ซึ่งในอนาคตอาจได้รับผลกระทบมากจากกำแพงภาษี
7.การเตรียมความพร้อมของภาคบริการ โดยเฉพาะจากการคาดการณ์ว่าการท่องเที่ยวจะลดลง ส่งผลกระทบต่อรายได้ประเทศ
8.การเตรียมความพร้อมของภาคความมั่นคง โดยเฉพาะการตัดสินใจเกี่ยวกับการจัดซื้ออาวุธจากสหรัฐฯ
9.การเตรียมความพร้อมของภาคการเมือง ต้องมีบุคลากรที่มีความรู้และทีมงานที่ดี รวมถึงความเข้าใจด้านเศรษฐศาสตร์การเมืองระหว่างประเทศ
10.การดูแลประชาชนจากค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะราคาสินค้าที่มีแนวโน้มพุ่งสูง
11.การรับมือกับการทุ่มตลาดสินค้าจากประเทศจีน
12.การเตรียมพร้อมรองรับการตั้งโรงงานใหม่ และการป้องกันปัญหาสินค้าสวมสิทธิ์จากจีน
13.การเตรียมความพร้อมด้านอารมณ์ของประชาชน ที่อาจรุนแรงขึ้น หากการเจรจากับสหรัฐฯ ไม่มีความคืบหน้า โดยเฉพาะก่อนเส้นตายวันที่ 7 กรกฎาคม
14.การรับมือกับผลกระทบทางการเมือง หากเกิดวิกฤตเศรษฐกิจหลังวันที่ 7 กรกฎาคม
15.การหาเสียงของพรรคการเมืองในการเลือกตั้งครั้งหน้า ซึ่งประเด็นเศรษฐกิจจะเป็นโจทย์ใหญ่ การแจกเงินและโฆษณาเชิงประชานิยมจะเพิ่มขึ้น