”พิชัย“ ชงปรับเกณฑ์ ”คุณสู้ เราช่วย“ หวังกดหนี้ครัวเรือนต่ำ 80%

01 พ.ค. 2568 | 07:49 น.
อัปเดตล่าสุด :01 พ.ค. 2568 | 08:07 น.

คลังชงปรับเกณฑ์ ”คุณสู้ เราช่วย“ หวังกดหนี้ครัวเรือนต่ำ 80% คาดไตรมาสแรกจีดีพีโตเกิน 2.5% เตรียมเขย่างบ 69 รับมือภาษีสหรัฐ

นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวปาฐกถาในงานครบรอบ 150 ปี กระทรวงการคลัง ว่า รัฐบาลอยากเห็นสัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่ำกว่า 80% โดยสถานการณ์หนี้ครัวเรือน ณ เดือนมี.ค.68 คาดว่าสัดส่วนอยู่ที่ 86% ลดลงมาจากปีที่แล้ว ซึ่งอยู่ระดับ 91%

ทั้งนี้ เพื่อให้สัดส่วนหนี้ครัวเรือนลดลงมานั้น ในช่วงเดือนมิ.ย.-ก.ค.68 กระทรวงการคลังเตรียมเสนอปรับปรุงเกณฑ์โครงการคุณสู้ เราช่วย และออกมาตรการแก้หนี้เพิ่มเติม เพื่อดูแลลูกหนี้ธนาคารพาณิชย์ แบงรัฐ และน็อนแบงก์

นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง

สำหรับการปรับปรุงเกณฑ์โครงการคุณสู้ เราช่วย จะขยายวงเงินช่วยลูกหนี้เสีย กลุ่มที่มีมูลหนี้ 10,000 บาท ให้สามารถเข้ามาชำระหนี้ 10% และตัดปิดจบหนี้ได้เลย จากเดิมที่กำหนดลูกหนี้กลุ่มนี้ มูลหนี้ต้องไม่เกิน 5,000 บาท และขยายยอดมูลหนี้จาก 10,000 บาท เป็น 30,000 บาทด้วย

ส่วนหนี้เสียมูลหนี้ต่ำกว่า 1 แสนบาทนั้น เมื่อเข้าไปดูรายละเอียดแล้ว มีลูกหนี้ 3 ล้านคน แบ่งเป็นหนี้ 3 ส่วน จากแบงก์พาณิชย์ แบงก์รัฐ และน็อนแบงก์ สำหรับแบงก์รัฐนั้น ธนาคารออมสินรายงานว่า ได้เตรียมโครงการแก้หนี้ให้กับลูกค้า คาดว่าจะช่วยลดหนี้ได้อีก 4 แสนราย ขณะที่ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ได้ช่วยแก้หนี้ให้เกษตรกรแล้ว 2.5 แสนราย และจะเดินหน้าช่วยเหลืออีก 6.7 หมื่นราย 

ส่วนในการแก้หนี้แบงก์พาณิชย์นั้น มีมูลหนี้เพียง 1 หมื่นล้านบาท ด้านน็อนแบงก์ มีมูลหนี้เสียประมาณ 7-8 หมื่นล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นหนี้บัตรเครดิต และอิออน เราจะขอดูรายละเอียดมูลหนี้เหล่านี้ว่าเป็นหนี้เสียจากอะไรบ้าง และจะนำมาหาแนวทางดูแลแก้ไขรายต่อราย

“ถ้าเราทำกลุ่มนี้ได้จะช่วยแก้ไขหนี้เสียได้กว่า 3 ล้านราย จากจำนวนลูกหนี้ที่มีปัญหาอยู่ทั้งหมด 5.4 ล้านราย และจำนวนที่เหลือบางส่วนเราก็จะดูแลเพิ่มเติมต่อไป ด้านสัดส่วนหนี้เสียที่เกิน 1 แสนบาทขึ้นไปนั้น มีจำนวน 2 ล้านคน โดยส่วนใหญ่เป็นกลุ่มมีหลักประกัน โดยการแก้ปัญหาที่สามารถดำเนินการได้ด้งยการปรับโครงสร้างหนี้“

นายพิชัย กล่าวว่า คาดไตรมาส 1 ปีนี้ จีดีพีจะเกิน 2.5% และอาจใกล้เคียง 3% อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจโลกอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะผลกระทบจากความไม่แน่นอนต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการส่งออก และจะต้องเตรียมมาตรการรองรับหากสถานการณ์เลวร้าย โดยจะเน้นการทบทวนงบประมาณที่มีอยู่ และหลีกเลี่ยงการสร้างหนี้ใหม่โดยไม่จำเป็น

”พิชัย“ ชงปรับเกณฑ์ ”คุณสู้ เราช่วย“ หวังกดหนี้ครัวเรือนต่ำ 80%

”การสร้างหนี้ใหม่จะเป็นโจทย์สุดท้าย ซึ่งเราสามารถใช้เครื่องมือทบทวนงบประมาณได้ ซึ่งงบประมาณปี 2569 อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของสภา ซึ่งจะมีการหารือกับสภาเพื่อพิจารณาถึงความเหมาะสมของงบประมาณในแต่ละส่วน รวมถึงโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ที่อาจมีการทบทวน โดยจะพิจารณาตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป“

ทั้งนี้ เศรษฐกิจประเทศไทยและทั่วโลกจะตกอยู่ในหลุมอากาศชั่วคราวหรือราว 6 เดือน ผลจากนโยบายการตอบโต้มาตรการทางภาษีของสหรัฐอเมริกา ซึ่งยังต้องประเมินต่อไปในระยะข้างหน้า

สำหรับไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่ได้เปรียบดุลการค้ากับสหรัฐ ดังนั้น แนวทางแก้ไข คือ จะต้องทำให้การค้าเข้าสู่จุดสมดุลให้มากที่สุด โดยไทยจะนำเข้าสินค้าจากสหรัฐให้มากขึ้น ขณะเดียวกัน ก็จะต้องส่งออกไปให้มากขึ้นด้วย โดยสินค้าที่เราต้องการจากสหรัฐ คือ สินค้าเกษตร เช่น ข้าวโพด และ ปลา เพื่อนำเข้ามาแปรรูปเป็นอาหารสัตว์เพื่อส่งออก นอกจากนี้ เรายังต้องการสินค้าพลังงานจากสหรัฐเพิ่มขึ้นด้วย

”เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจภายใน รัฐบาลต้องเร่งรัดการแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือน และทำให้เกิดการลงทุนให้มากขึ้น โดยการลงทุนจากต่างชาตินั้น จะต้องเป็นการลงทุนที่ High เทคโนโลยี และสร้างซัพพลายเชนของคนไทยเข้าร่วมด้วย หมายความว่า เราจะเลือกการลงทุนจากต่างชาติให้มากขึ้น“

ในส่วนการลงทุนของภาครัฐนั้น เราจะใช้เงินมาลงทุนเพื่อแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้าง เช่น แก้ปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้ง ซึ่งขณะนี้ เรากำลังหยิบมาดู เพื่อพิจารณาโครงการลงทุนตั้งแต่ขนาดเล็กถึงขนาดใหญ่ ทั้งนี้ ในส่วนของเอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์นั้น ยังอยู่ในแนวคิดของรัฐบาลที่จะลงทุน เพื่อสร้างรายได้เข้าประเทศ