“ทุเรียนนครศรีธรรมราช” กำลังเป็นหนึ่งในดาวเด่นของตลาดผลไม้ไทย และนับเป็นพื้นฐานของการทำ “เกษตรบริโภค” ของคนในพื้นที่ ด้วยเอกลักษณ์รสชาติหวานมัน เนื้อละเอียด และกลิ่นหอมเฉพาะตัว ส่งผลให้ราคาพุ่งสูงอย่างต่อเนื่อง ขณะที่พื้นที่เพาะปลูกขยายตัวเพิ่มขึ้นทุกปี จากกระแสความนิยมทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะจีนและเวียดนามที่มีความต้องการสูง สร้างรายได้มหาศาลให้เกษตรกร
ปัจจุบันนครศรีธรรมราช ได้รับการยอมรับว่าเป็นแหล่งผลิตทุเรียนคุณภาพแห่งหนึ่งของประเทศ ล่าสุดยังมีการพัฒนาเทคนิคการผลิตทุเรียนนอกฤดู เพิ่มโอกาสทางการตลาดและสร้างมูลค่าเพิ่ม นอกจากนี้ ยังได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐผ่านนโยบายต่างๆ รวมถึงการส่งเสริมการแปรรูปเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้ผลผลิต ส่งผลให้ทุเรียนนครศรีธรรมราชมีอนาคตสดใสในตลาดโลก
ข้อมูลของสำนักงานเกษตรจังหวัดนครศรีธรรมราช ระบุว่า ในปี 2567 นครศรีธรรมราชมีพื้นที่เพาะปลูกทุเรียนกว่า 85,000 ไร่ เพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึง 7% โดยมีเกษตรกรผู้ปลูกทุเรียนประมาณ 15,000 ราย ผลผลิตรวมคาดการณ์ที่ 92,000 ตัน
ส่วนราคาทุเรียนพันธุ์หมอนทองคุณภาพดีอยู่ที่กิโลกรัมละ 120-180 บาท สำหรับพันธุ์ชะนีราคา 100-150 บาทต่อกิโลกรัม ขณะที่ทุเรียนพันธุ์พื้นเมืองสามารถทำราคาได้ถึง 200-250 บาทต่อกิโลกรัม
นางสาววาริน ชินวงศ์ นายก อบจ.นครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า ทุเรียนเป็นพืชเศรษฐกิจหลักที่สร้างรายได้และความมั่นคงให้เกษตรกรในพื้นที่ ปัจจุบันเราผลักดันให้เกษตรกรยกระดับคุณภาพผลผลิต และพัฒนาสู่มาตรฐานส่งออก ทำให้ทุเรียนนครศรีธรรมราชเป็นที่ต้องการของตลาดทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะตลาดจีน ที่สามารถส่งออกได้เป็นจำนวนมาก
“จังหวัดนครศรีธรรมราช ปลูกทุเรียนมากที่สุดในพื้นที่ภาคใต้ พื้นที่ที่ปลุกมากคืออำเภอนบพิตำ ท่าศาลา สิชล และลานสกา ซึ่งมีพื้นที่ส่วนใหญ่บนภูเขา และเป็นทุเรียนส่งออกนอกฤดูที่มีราคาดี” น.ส.วาริน ระบุ
สำหรับจังหวัดนครศรีธรรมราช นับเป็นจังหวัดที่มีความหลากหลายทางระบบนิเวศเกษตร ตั้งแต่พื้นที่ราบลุ่มจนถึงเทือกเขานครศรีธรรมราช ทำให้สามารถปลูกพืชได้หลากหลายชนิด นอกจากทุเรียนแล้ว ยังมีการปลูกยางพารา ปาล์มน้ำมัน มังคุด เงาะ และลองกอง รวมไปถึงส้มโอทับทิมสยาม โดยข้อมูลจากกรมพัฒนาที่ดิน พบว่า นครศรีธรรมราชมีพื้นที่การเกษตรรวมประมาณ 2.8 ล้านไร่ คิดเป็น 58% ของพื้นที่จังหวัด
"ตอนนี้เรากำลังเดินหน้าพัฒนาการเกษตรแบบผสมผสานและเกษตรอินทรีย์ เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มมูลค่าผลผลิต พร้อมกันนี้ ยังส่งเสริมการอบรมให้ความรู้เกษตรกรเรื่องการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตด้วย" น.ส.วาริน กล่าว
จากข้อมูลการค้าระหว่างประเทศในปี 2567 ทุเรียนนครศรีธรรมราชส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศประมาณ 60% ของผลผลิตทั้งหมด คิดเป็นมูลค่ากว่า 2,760 ล้านบาท โดยตลาดหลักคือจีน (65%) เวียดนาม (20%) และฮ่องกง (10%) ส่วนที่เหลือกระจายไปยังประเทศเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และตะวันออกกลาง
สำหรับตลาดในประเทศ ทุเรียนนครศรีธรรมราชได้รับความนิยมในกลุ่มผู้บริโภคระดับกลาง-บน ในกรุงเทพฯ และเมืองท่องเที่ยวสำคัญ โดยมีการจำหน่ายผ่านห้างสรรพสินค้าชั้นนำ และตลาดออนไลน์ที่มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง
การผลิตทุเรียนนอกฤดูเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญที่ช่วยสร้างรายได้ต่อเนื่องให้เกษตรกรนครศรีธรรมราช โดยปัจจุบันมีพื้นที่ปลูกทุเรียนนอกฤดูประมาณ 12,000 ไร่ คิดเป็น 14% ของพื้นที่ปลูกทุเรียนทั้งหมด ผลผลิตออกสู่ตลาดช่วงเดือนตุลาคม-ธันวาคม ซึ่งเป็นช่วงที่ผลผลิตทุเรียนจากแหล่งอื่นออกน้อย ทำให้ราคาสูงกว่าทุเรียนในฤดู 30-50% หรือมีราคาหน้าสวนสูงถึงกิโลกรัมละ 240-250 บาท
สำหรับการทำทุเรียนนอกฤดู ต้องอาศัยเทคนิคและการบริหารจัดการที่ดี ทั้งเรื่องการจัดการน้ำ การตัดแต่งกิ่ง และการใช้สารกระตุ้นการออกดอก ซึ่งเราได้จัดอบรมให้ความรู้เกษตรกรอย่างต่อเนื่อง
อีกทั้งในเร็ว ๆ นี้ ยังเตรียมจัดฝึกอบรมการปลูกทุเรียนและส้มโอทับทิมสยาม ให้เกษตรกร 200 คน ในวันที่ 16-17 พฤษภาคม 2568 และอบรมการตลาดออนไลน์แก่ประชาชนกว่า 20,000 คนเพื่อเพิ่มศักยภาพ และพัฒนาทักษะของการผลิตทุเรียนที่มีคุณภาพ และส่งออกไปยังต่างประเทศ
“ทุเรียนนครศรีธรรมราช จะออกไม่ตรงกับภาคอื่น ๆ จะได้ทุเรียนนอกฤดูมากขึ้น แต่ก็ต้องดูการบริหารจัดการที่ดี โดยเฉพาะการให้ความรู้กับเกษตรกรในการสร้างทุเรียนคุณภาพ และสามารถส่งออกได้” น.ส.วาริน กล่าว
อย่างไรก็ดีแม้ตลาดทุเรียนนครศรีธรรมราชจะมีศักยภาพสูง แต่การผลิตก็ยังเผชิญความท้าทายหลายประการ ทั้งปัญหาภัยแล้ง โรคระบาด การตรวจสารตกค้าง และความผันผวนของราคา แต่ท้ายที่สุดโอกาสก็ยังเปิดกว้างจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นในตลาดโลก โดยเฉพาะตลาดจีนที่มีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง ซึ่งน่าจะช่วยสร้างอาชีพ และสร้างรายได้ให้กับชาวจังหวัดนครศรีธรรมราช และจังหวัดอื่น ๆ ในพื้นที่ภาคใต้ด้วยเช่นเดียวกัน