เศรษฐกิจไทยกำลังเผชิญความท้าทายที่รุนแรงที่สุดในรอบหลายปี ท่ามกลางความผันผวนของตลาดโลกและความตึงเครียดทางการค้าระหว่างประเทศ ที่ผ่านมารัฐบาลได้ประกาศเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจไว้ที่ 3% นับเป็นเป้าหมายที่ท้าทายอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเมื่อสหรัฐฯ ประกาศมาตรการขึ้นภาษีนำเข้าจากหลายประเทศรวมถึงจีนซึ่งเป็นคู่ค้าสำคัญของไทย ส่งผลให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัวลงอย่างรวดเร็ว
แนวทางสำคัญเกี่ยวกับการรับมือกับความท้าทายดังกล่าว แน่นอนว่าในระยะแรก รัฐบาลจำเป็นต้องเร่งเจรจาการค้ากับทางรัฐบาลสหรัฐ เพื่อลดผลกระทบในระยะสั้น แต่ในอีกด้านหนึ่งนั่นคือ การผลักดันมาตรการกกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อประคับประคองตัวเลขให้ไม่หล่นวูบจนส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในประเทศระยะต่อไป
ที่ผ่านมารัฐบาลได้จัดเตรียมงบประมาณเอาไว้กระตุ้นเศรษฐกิจเพียว ๆ โดยกันไว้ในงบกลาง ปี 2568 รายการค่าใช้จ่ายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างความเข้มแข็งของระบบเศรษฐกิจ 187,700 ล้านบาท ล่าสุดเหลืออยู่ประมาณ 1.5 แสนล้านบาท ซึ่งน่าจะเป็นกระสุนก๊อกสุดท้ายที่รัฐบาลเตรียมผลักดันลงระบบเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปี 2568
ล่าสุดในการประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ เมื่อต้นเดือนมีนาคม 2568 ที่ผ่านมา ที่ประชุมได้รับทราบแนวทางการจัดกลุ่มโครงการเพื่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจรวม 46 โครงการ รอบคลุมทั้ง 4 กลไกหลักของเศรษฐกิจ ได้แก่ การบริโภคภาคเอกชน การลงทุนภาคเอกชน การใช้จ่ายภาครัฐ และการส่งออกสินค้าและบริการ
ส่วนแรกคือโครงการที่ดำเนินการแล้ว 7 โครงการ โครงการที่ทำไปแล้วแต่ยังไม่จบ อีก 27 โครงการ และส่วนสุดท้ายคือ 12 โครงการที่จะเสนอขึ้นใหม่
สำหรับโครงการที่จะเสนอขึ้นใหม่อีก 12 โครงการ มีวงเงินในการดำเนินโครงการเบื้องต้นประมาณ 3-4 หมื่นล้านบาท โดยมีรายละเอียดที่น่าสนใจแยกเป็นกลุ่มต่าง ๆ ดังนี้
โครงการด้านการบริโภคภาคเอกชน
1.โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ 10,000 บาท ระยะที่ 3 วงเงินไม่เกิน 27,000 ล้านบาท โดยจะจ่ายเงิน 10,000 บาทผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ให้กลุ่มผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 16-20 ปี จำนวนไม่เกิน 2.7 ล้านคน ล่าสุดโครงการนี้อยู่ระหว่างการเสนอครม.
2.โครงการขับเคลื่อนการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์และวัฒนธรรม เพื่อเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวในชุมชน ผ่านการจัดสรรงบประมาณให้เกิดการจัดกิจกรรมการท่องเที่ยว 76 จังหวัด วงเงินประมาณ 16.7 ล้านบาท
3.โครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง วงเงินประมาณ 3,550 ล้านบาท ซึ่งอยู่ระหว่าางการพิจารณารายละเอียด
โครงการด้านการลงทุนภาคเอกชน
4. เร่งรัดการลงทุนที่ได้รับการออกบัตรส่งเสริมการลงทุนแล้ว โดยมีโครงการที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนในปี 2566-2567 และออกบัตรส่งเสริมแล้วคิดเป็นมูลค่าเงินลงทุนกว่า 1.34 ล้านล้านบาท คาดว่าจะลงทุนได้จริง 75,000 ล้านบาท
โครงการด้านการใช้จ่ายภาครัฐ
5.โครงการรถไฟทางคู่สายใต้ อยู่ระหว่างการนำเสนอ
6.โครงการก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย-ลาว (หนองคาย-เวียงจันทน์) แห่งที่ 2 อยู่ระหว่างการนำเสนอ
7.โครงการศูนย์เปลี่ยนถ่ายสินค้าและย่านกองเก็บตู้สินค้าเพื่อรองรับการขนส่งทางรางจังหวัดหนองคาย อยู่ระหว่างการนำเสนอ
8.การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศและเชื่อมต่อกับระบบขนส่งของเขตเศรษฐกิจำคัญในประเทศ ซึ่งจะครอบคลุมไปถึงโครงการแลนด์บริดจ์ (Landbridge) อยู่ระหว่างการพิจารณา
9.โครงการจ้างแรงงานชลประทาน เพื่อเข้าไปชวยเหลือกลุ่มเกษตรกรในปี 2568 วงเงินประมาณ 5,553 ล้านบาท
10.โครงการขับเคลื่อนแผนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติสู่การปฏิบัติในระดับพื้นที่ วงเงินประมาณ 17 ล้านบาท
โครงการด้านการส่งออกสินค้าและบริการ
11.Amazing Thailand Grand Tourism & Sport Year 2025 ซึ่งททท.ได้ประกาศเอาไว้แล้ว ผ่านการทำกิจกรรมต่างๆ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว เช่น จัดงานเทศกาลตลอดทั้งปี
12.โครงการส่งเสริม Soft Power ด้านการท่องเที่ยว โดยเบื้องต้นกำหนดการจัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อส่งเสริมให้เกิดการขับเคลื่อนการท่องเที่ยวในระดับพื้นที่ 76 จังหวัดทั่วประเทศ วงเงินประมาณ 15.5 ล้านบาท