โมเดล "ทุนก้าวเพื่อน้อง" พลัง FC "พี่ตูน บอดี้สแลม" สู่โอกาสเด็กยากจน

21 เม.ย. 2568 | 03:58 น.
อัปเดตล่าสุด :21 เม.ย. 2568 | 04:45 น.

เปิดเส้นทางแห่งโอกาส จาก "ทุนก้าวเพื่อน้อง" ที่มาจากพลังน้ำใจแฟนคลับ "พี่ตูน บอดี้สแลม" ผ่านมูลนิธิก้าวคนละก้าว ร่วมกับ กสศ. ให้โอกาสเด็กจบ ม. 3 บ้านยากจนพิเศษได้เรียนต่อ

"ทุนก้าวเพื่อน้อง ปีที่ 5" ยังคงเดินหน้าสร้างโอกาสทางการศึกษาให้กับเยาวชนไทยที่ขาดแคลนทุนทรัพย์อย่างต่อเนื่อง ด้วยพลังของ นายอาทิวราห์ คงมาลัย หรือ "พี่ตูน" บอดี้สแลม ประธานมูลนิธิก้าวคนละก้าว ร่วมกับ กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) มุ่งมั่นเปลี่ยนชีวิตเด็กไทยให้มีอนาคตที่สดใสกว่าเดิม ในขณะที่ประเทศไทยยังเผชิญกับวิกฤตเด็กนอกระบบการศึกษาเกือบหนึ่งล้านคน โครงการนี้จึงเป็นความหวังสำคัญที่จะช่วยลดความเหลื่อมล้ำและสร้างโอกาสให้กับเยาวชนที่มีความตั้งใจแต่ขาดแคลนทุนทรัพย์

 

นายอาทิวราห์ คงมาลัย หรือ "พี่ตูน" บอดี้สแลม ประธานมูลนิธิก้าวคนละก้าว

 

จุดเริ่มต้นของโครงการ "ก้าวเพื่อน้อง"

 

โครงการ "ก้าวเพื่อน้อง" เป็นความร่วมมือระหว่างมูลนิธิก้าวคนละก้าวและกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ที่เริ่มต้นขึ้นเมื่อ 5 ปีที่แล้ว โดยมีเป้าหมายหลักในการช่วยเหลือเด็กนักเรียนยากจนที่เรียนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 แล้วไม่มีโอกาสได้ศึกษาต่อเนื่องจากขาดแคลนทุนทรัพย์
 

จุดเริ่มต้นของโครงการมาจากความตระหนักถึงปัญหาเด็กนักเรียนที่หลุดออกจากระบบการศึกษาในช่วงรอยต่อหลังจบมัธยมศึกษาปีที่ 3 ซึ่งเป็นการศึกษาภาคบังคับ โดยพบว่าทุกปีมีเด็กกลุ่มนี้ประมาณ 65,000 คน และสะสมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนมีจำนวนมากถึง 300,000 คน มูลนิธิก้าวคนละก้าวจึงร่วมมือกับ กสศ. เพื่อเข้ามาช่วยเหลือเด็กกลุ่มนี้โดยเฉพาะ

 

นายอาทิวราห์ คงมาลัย หรือ "พี่ตูน" บอดี้สแลม ประธานมูลนิธิก้าวคนละก้าว

 

โครงการนี้มีความพิเศษตรงที่เปิดโอกาสให้เด็กได้เลือกเรียนตามความฝันและความถนัดของตนเอง ทั้งสายสามัญและสายอาชีพ ไม่มีเงื่อนไขบังคับให้เรียนในสาขาใดสาขาหนึ่งเท่านั้น ซึ่งต่างจากทุนการศึกษาส่วนใหญ่ที่มักกำหนดสาขาวิชาที่ผู้ให้ทุนต้องการ ทำให้เด็กๆ ได้มีอิสระในการเลือกเส้นทางการเรียนที่ตรงกับความสนใจและความถนัดของตนเอง

นอกจากนี้ ทุนก้าวเพื่อน้องยังมีความโดดเด่นตรงที่เป็นทุนการศึกษาที่มาจากพลังของคนไทยทั้งประเทศที่ร่วมกันบริจาคผ่านกิจกรรมต่างๆ ของ "มูลนิธิก้าวคนละก้าว"  ไม่ว่าจะเป็นการวิ่งระดมทุน การจัดคอนเสิร์ต หรือการบริจาคโดยตรง

 

โมเดล \"ทุนก้าวเพื่อน้อง\" พลัง FC \"พี่ตูน บอดี้สแลม\" สู่โอกาสเด็กยากจน

 

ทำให้เป็นทุนการศึกษาที่มีความผูกพันกับคนไทยทั้งประเทศ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงพลังความร่วมมือของคนไทยในการช่วยเหลือและสนับสนุนการศึกษาของเยาวชนไทย

 

ความสำเร็จของโครงการที่ผ่านมา

 

จากการดำเนินโครงการมาอย่างต่อเนื่อง "ทุนก้าวเพื่อน้อง" ได้สร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับชีวิตของเยาวชนไทยหลายคน โดยนักเรียนทุนรุ่นแรกของโครงการหลายคนประสบความสำเร็จสามารถเรียนต่อจนถึงระดับมหาวิทยาลัยในสาขาวิชาที่มีการแข่งขันสูง ซึ่งเกินความคาดหมายของผู้จัดโครงการเอง

 

โมเดล \"ทุนก้าวเพื่อน้อง\" พลัง FC \"พี่ตูน บอดี้สแลม\" สู่โอกาสเด็กยากจน

 

พี่ตูนได้ยกตัวอย่างความสำเร็จของนักเรียนทุนรุ่นก่อน โดยเฉพาะ "น้องภูมิ" ที่สามารถสอบติดคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และยังมีนักเรียนทุนคนอื่นๆ อีกหลายคนที่ประสบความสำเร็จเข้าศึกษาต่อในสาขาทันตแพทยศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์ เช่น "น้องแคร์รอท" "น้องไทเกอร์" "น้องน้ำฝน" และ "น้องวี" ที่เรียนต่อในสาขาทันตแพทยศาสตร์และสาขาอื่นๆ ที่มีการแข่งขันสูง

 

ในรุ่นที่ 2 ก็มีแนวโน้มว่าจะมีนักเรียนสอบติดคณะวิศวกรรมศาสตร์และแพทยศาสตร์เพิ่มขึ้นอีก ซึ่งแสดงให้เห็นว่าหากเด็กเหล่านี้ได้รับโอกาสและการสนับสนุนที่เหมาะสม พวกเขามีศักยภาพที่จะประสบความสำเร็จในการศึกษาและมีอนาคตที่สดใสได้ไม่แพ้ใคร

 

โมเดล \"ทุนก้าวเพื่อน้อง\" พลัง FC \"พี่ตูน บอดี้สแลม\" สู่โอกาสเด็กยากจน

 

พี่ตูนกล่าว ตอนหนึ่งในการสังเกตการณ์การพิจารณาทุนจากผู้ทรงคุณวุฒิวันที่ 19-20 เม.ย. ที่ผ่านมาว่า จากเด็กที่เราอ่านประวัติ ที่ดูเหมือนจะไม่มีโอกาสได้เรียนต่อ เมื่อได้รับโอกาสและสามารถเดินไปบนเส้นทางที่จะเป็นคุณหมอได้ คิดว่ามันมีความสุขมากที่ได้เห็นสิ่งนี้จากการร่วมมือกันของพวกเรา ไม่ว่าจะเป็นทีมงานที่ทำกิจกรรมระดมทุน พี่ๆ จาก กสศ. ที่ช่วยประสานงานให้อาจารย์ในพื้นที่ได้ดูแลน้องๆ รวมถึงทุกขั้นตอนของการอ่านใบสมัครและคัดเลือก ทุกขั้นตอนล้วนมีคุณค่า ขาดไม่ได้สักขั้นตอนเดียว


พี่ตูนยังได้โพสต์ข้อความผ่านอินสตาแกรม "artiwara" เกี่ยวกับบรรยากาศการคัดเลือกผู้รับทุน "บรรยากาศการนั่งอ่านและพิจารณาใบสมัครของน้องๆจากทั่วประเทศ ในโครงการ #ก้าวเพื่อน้องปีที่5 เมื่อวันเสาร์และอาทิตย์ที่ผ่านมา ที่ปีนี้เราน่าจะช่วยสนับสนุนการศึกษาของน้องๆได้เป็นจำนวนมากกว่า 30 ทุน ต้องขอขอบพระคุณ ศิลปิน ดารานักร้อง และผู้สนับสนุน ทุกๆท่าน ที่เสียสละเวลา กำลังกาย และกำลังทรัพย์ อันมีค่ามาร่วมแรงร่วมใจกันในทุกๆกิจกรรม รวมไปถึงต้องขอขอบพระคุณท่านคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิทุกๆท่าน ที่เสียสละเวลาอันมีค่ามาร่วมช่วยกันคัดเลือกน้องๆที่จะได้รับทุนในปีนี้"

 

ทีมงานมูลนิธิก้าวคนละก้าว
 

 

ทุนก้าวเพื่อน้องปีที่ 5 สานต่อความฝันเยาวชนไทย

 

สำหรับปีการศึกษา 2567 นี้ โครงการ "ก้าวเพื่อน้อง" จะมอบทุนการศึกษาให้กับนักเรียนประมาณ 30 คน จากผู้สมัครทั้งหมด 428 ราย ที่ผ่านการคัดกรองเบื้องต้นจนเหลือ 223 ราย ที่ผ่านเกณฑ์คุณสมบัติ โดยผู้ที่ได้รับคัดเลือกจะได้รับทุนการศึกษาต่อเนื่อง 3 ปี ในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายหรือประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.)

 

มูลค่าทุนการศึกษารวม 264,000 บาทต่อคนตลอด 3 ปี โดยแบ่งเป็น

  • ค่าใช้จ่ายรายเดือน เดือนละ 6,500 บาท (รวมช่วงปิดภาคเรียน)
  • ค่าธรรมเนียมการศึกษา ตามจ่ายจริงแต่ไม่เกิน 10,000 บาทต่อปี

 

เงินทุนในโครงการนี้มาจากการระดมทุนหลายช่องทาง ทั้งจากการวิ่งระดมทุนของพี่ตูนเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา การจัดคอนเสิร์ต 3 รอบเมื่อวันที่ 4-6 เม.ย. 2568 ที่ผ่านมา และความร่วมมือจากภาคเอกชนอย่างร้านยากรุงเทพที่จัดกิจกรรมวิ่งระดมทุนสมทบอีกกว่าล้านบาท

 

โมเดล \"ทุนก้าวเพื่อน้อง\" พลัง FC \"พี่ตูน บอดี้สแลม\" สู่โอกาสเด็กยากจน

 

นายนพพร สุวรรณรุจิ ประธานคณะทำงานคัดเลือกผู้รับทุน กล่าวว่า เงินทุนในโครงการนี้มาจากความเหน็ดเหนื่อยของทีมพี่ตูนที่ได้จัดกิจกรรมวิ่งระดมทุนและจากการจัดคอนเสิร์ต เพราะฉะนั้นความเป็นธรรมในการคัดเลือกจึงเป็นเรื่องสำคัญ เรารู้ดีว่ากว่าจะได้เงินทุนมาแต่ละบาทนั้นเหนื่อยขนาดไหน พี่ตูนต้องวิ่งรอบแล้วรอบเล่า

 

พี่ตูนยังเน้นย้ำถึงความสำคัญของวันนี้ที่จะเป็นจุดเปลี่ยนของชีวิตน้องๆ อีกหลายคน "วันนี้เป็นอีกวันที่มีความสำคัญ ที่จะมีน้องๆ หลายคนได้เข้าสู่การเปลี่ยนแปลงชีวิต อาจจะไม่ใช่การเปลี่ยนชีวิตโดยสิ้นเชิง แต่เป็นการเพิ่มออปชัน เพิ่มเส้นทางและทางเลือกให้กับชีวิตของพวกเขา"

 

นายนพพร สุวรรณรุจิ ประธานคณะทำงานคัดเลือกผู้รับทุนก้าวเพื่อน้อง ปีที่ 5

 

กระบวนการคัดเลือกที่เข้มข้นและเป็นธรรม

 

การคัดเลือกผู้รับทุน "ก้าวเพื่อน้อง" ดำเนินการอย่างเข้มข้นและโปร่งใส โดยนายนพพร สุวรรณรุจิ ประธานคณะทำงานคัดเลือกผู้รับทุน เปิดเผยว่า กระบวนการคัดเลือกของเรายึดหลักความเป็นธรรม ความโปร่งใส และการมีส่วนร่วมอย่างเหนียวแน่นในทุกขั้นตอน

 

กระบวนการคัดเลือกเริ่มจากการประชาสัมพันธ์ตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา เปิดรับสมัครและเสนอชื่อผู้ขอรับทุนตั้งแต่วันที่ 10-30 มีนาคม 2568 ผู้สมัครจำนวน 428 ราย ผ่านการคัดกรองเบื้องต้นด้านคุณสมบัติเหลือ 284 ราย ไม่ผ่านเกณฑ์ 144 ราย และลงตัวเหลือ 223 รายชื่อที่ผู้ทรงคุณวุฒิต้องพิจารณาคัดเลือกให้เหลือ 27 คนสุดท้ายที่จะได้รับทุน

 

โมเดล \"ทุนก้าวเพื่อน้อง\" พลัง FC \"พี่ตูน บอดี้สแลม\" สู่โอกาสเด็กยากจน

 

การพิจารณาคัดเลือกได้เชิญผู้ทรงคุณวุฒิจากหลากหลายภาคส่วน ทั้งภาควิชาการ ภาคสื่อสารมวลชน และภาคเอกชน รวม 15 ท่าน แบ่งเป็น 5 กลุ่ม โดยแต่ละกลุ่มจะได้พิจารณาผู้สมัครประมาณ 44-45 ราย และมีการจับสลากเพื่อกระจายรายชื่อผู้สมัครอย่างเป็นธรรม ไม่มีการเลือกปฏิบัติ โดยผู้ทรงคุณวุฒิแต่ละท่านจะให้คะแนนตามดุลพินิจ จากนั้นจะมีการประชุมร่วมกันในกลุ่มเพื่อหาข้อสรุปร่วมกัน
เกณฑ์การให้คะแนนแบ่งเป็น 5 ด้าน ได้แก่ 1.ความมุ่งมั่น เป้าหมาย แรงบันดาลใจและทัศนคติในการศึกษาต่อ 2. ความสามารถพิเศษและความโดดเด่น 3. ความเป็นผู้นำและพฤติกรรม 4. จิตอาสาและจิตสาธารณะ และ 5. ความรับผิดชอบต่อครอบครัว

 

ภายหลังการประกาศผลการคัดเลือก โครงการจะเปิดโอกาสให้มีการทักท้วงผลการคัดเลือกได้ เพื่อความโปร่งใสและเป็นธรรม จากนั้นจะมีการทำข้อตกลงระหว่าง กสศ. กับผู้รับทุน และจัดปฐมนิเทศในเดือนพฤษภาคม เพื่อให้นักเรียนได้เข้าเรียนตามความฝันในภาคการศึกษาใหม่

 

โมเดล \"ทุนก้าวเพื่อน้อง\" พลัง FC \"พี่ตูน บอดี้สแลม\" สู่โอกาสเด็กยากจน

 

ข้อมูลผู้สมัครและสถานการณ์ความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาในไทย

 

จากการวิเคราะห์ข้อมูลผู้สมัคร 223 ราย พบว่าส่วนใหญ่เป็นนักเรียนจากโรงเรียนในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ 221 ราย มีเพียง 1 รายที่มาจากโรงเรียนสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และอีก 1 รายจากโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน โดยมีการกระจายตัวจากประมาณ 40 จังหวัดทั่วประเทศ โดยมาจากภาคอีสานมากที่สุดร้อยละ 47 รองลงมาคือภาคเหนือร้อยละ 23 ภาคใต้ร้อยละ 13 และภาคกลางน้อยที่สุดร้อยละ 5

 

ในกลุ่มผู้สมัคร พบว่ามีผู้ยากจนพิเศษถึง 170 คน ซึ่งหมายถึงครอบครัวที่มีรายได้เฉลี่ยต่อคนต่อเดือนไม่เกิน 3,000 บาท ด้านสถานะครอบครัวพบว่า มีเด็กที่อยู่กับพ่อแม่ที่จดทะเบียนสมรสอย่างถูกต้อง 95 คน พ่อแม่หย่าร้าง 83 คน พ่อแม่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส 8 คน แยกกันอยู่ 17 คน และเป็นเด็กกำพร้าที่สูญเสียพ่อ แม่ หรือทั้งคู่ถึง 20 คน

 

โมเดล \"ทุนก้าวเพื่อน้อง\" พลัง FC \"พี่ตูน บอดี้สแลม\" สู่โอกาสเด็กยากจน

 

ด้านความสนใจในการศึกษาต่อของผู้สมัคร พบว่าร้อยละ 66 ประสงค์จะเรียนต่อสายสามัญในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (ม.4-6) ขณะที่ร้อยละ 34 สนใจเรียนต่อในระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.)

 

นายนพพร กล่าวว่า เงินทุน 6,500 บาทต่อเดือนอาจดูมากสำหรับบางคน แต่เราพบว่านักเรียนที่รับทุนไม่ได้ใช้เงินเพื่อตัวเองทั้งหมด หลายคนนำเงินส่วนหนึ่งไปช่วยครอบครัว บางรายมีแม่หรือยายป่วยติดเตียง บางรายต้องดูแลน้องๆ ด้วย ซึ่งทาง กสศ. มีกรณีที่ต้องช่วยเหลือเป็นพิเศษนอกเหนือจากทุนปกติด้วย

 

สถานการณ์เด็กนอกระบบการศึกษาไทยที่น่าเป็นห่วง

 

ดร.ไกรยส ภัทราวาท ผู้จัดการกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) เปิดเผยข้อมูลสถานการณ์วิกฤตเด็กนอกระบบการศึกษาของไทยว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีเด็กที่อยู่นอกระบบการศึกษาประมาณ 982,000 คน ซึ่งเป็นเด็กวัย 3-18 ปี ที่ควรอยู่ในระบบการศึกษา

 

ดร.ไกรยส ภัทราวาท ผู้จัดการกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.)

 

"สถานการณ์เด็กนอกระบบการศึกษาในประเทศไทยยังน่าเป็นห่วงอย่างมาก โดยในจำนวนนี้มีเด็กที่ไม่ได้เรียนอนุบาลประมาณ 250,000 คนต่อปี เนื่องจากการศึกษาระดับอนุบาลไม่ใช่การศึกษาภาคบังคับ ทำให้เด็กกลุ่มนี้ต้องอยู่ตามไซต์ก่อสร้าง ตามโรงงาน หรือติดตามพ่อแม่ไปทำงาน ขาดโอกาสในการเตรียมความพร้อมก่อนเข้าสู่ระบบการศึกษาภาคบังคับ" ดร.ไกรยสกล่าว

 

ทุกปีจะมีเด็กหลุดจากระบบการศึกษาตั้งแต่ระดับประถมศึกษาตอนต้นถึงมัธยมศึกษาปีที่ 3 อีกประมาณ 300,000 คน โดยสาเหตุสำคัญมาจากปัญหาความยากจน การต้องเดินทางไกลไปโรงเรียน และการขาดโอกาสในการเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพ

 

โมเดล \"ทุนก้าวเพื่อน้อง\" พลัง FC \"พี่ตูน บอดี้สแลม\" สู่โอกาสเด็กยากจน

 

แต่ที่น่าเป็นห่วงที่สุดคือช่วงรอยต่อหลังจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ซึ่งมีเด็กหลุดออกจากระบบประมาณ 65,000 คนต่อปี และสะสมเป็นจำนวนมากถึง 300,000 คน ซึ่งเป็นกลุ่มเดียวกับที่โครงการ "ก้าวเพื่อน้อง" กำลังให้การช่วยเหลือ

 

กสศ. มีระบบข้อมูลที่ติดตามเด็กยากจนเป็นรายคนมาตลอด 9 ปี ทำให้ทราบว่ามีเด็กยากจนพิเศษประมาณ 30,000 กว่าคน ที่ต้องออกจากระบบการศึกษาทุกปีหลังจบ ม.3 เพราะขาดแคลนทุนทรัพย์ และเมื่อดูต่อไปถึงการเข้าศึกษาต่อระดับอุดมศึกษา พบว่าโดยเฉลี่ยทั่วประเทศมีเด็กเรียนต่อมหาวิทยาลัยได้ประมาณ 30% แต่ในกลุ่มเด็กยากจนมีเพียง 13% เท่านั้น หรือเพียง 1 ใน 3 ของค่าเฉลี่ยประเทศ

 

โมเดล \"ทุนก้าวเพื่อน้อง\" พลัง FC \"พี่ตูน บอดี้สแลม\" สู่โอกาสเด็กยากจน

 

ผลกระทบระยะยาวจากการขาดโอกาสทางการศึกษา

 

การขาดโอกาสทางการศึกษามีผลกระทบระยะยาวต่อรายได้เฉลี่ยตลอดชีวิตของบุคคล โดยผู้จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาปีที่ 3 จะมีรายได้เฉลี่ยต่อเดือนตลอดชีวิตประมาณ 10,000 กว่าบาท ผู้จบมัธยมศึกษาปีที่ 6 หรือ ปวช. ประมาณ 14,000-15,000 บาท ขณะที่ผู้จบปริญญาตรีจะมีรายได้เฉลี่ยที่สูงกว่าเส้นความยากจนอย่างมีนัยสำคัญ

 

"สิ่งที่เรากำลังทำไม่ใช่แค่การเปลี่ยนชะตาชีวิตของคนหนึ่งคนหรือหนึ่งครอบครัวเท่านั้น แต่เรากำลังทำให้ฐานภาษีของประเทศไทยกว้างขึ้น วงจรความยากจนเป็นเหมือนการวนลูปที่ทำให้คนยากจนไม่สามารถหลุดพ้นจากความยากจนได้ เพราะขาดโอกาสทางการศึกษา" ดร.ไกรยสกล่าว

 

โมเดล \"ทุนก้าวเพื่อน้อง\" พลัง FC \"พี่ตูน บอดี้สแลม\" สู่โอกาสเด็กยากจน

 

การส่งต่อความช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง

 

นอกจากการให้ทุนการศึกษาแล้ว ยังมีความร่วมมือกับภาคเอกชนและมหาวิทยาลัยต่างๆ ในการสนับสนุนนักเรียนทุน "ก้าวเพื่อน้อง" ที่เรียนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ด้วย เช่น

  • กลุ่มคิงเพาเวอร์  ให้ทุนการศึกษาแก่นักเรียนที่สอบติดคณะแพทยศาสตร์ และกำลังขยายไปสู่หลักสูตรด้านสุขภาพอื่นๆ เช่น พยาบาลศาสตร์และเทคนิคการแพทย์
  • มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ให้ทุนการศึกษาแก่นักเรียนที่สอบติดคณะวิศวกรรมศาสตร์

 

อย่างไรก็ตาม ยังมีอุปสรรคสำคัญที่เด็กยากจนต้องเผชิญในการเข้าถึงการศึกษาระดับอุดมศึกษา โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายในการสมัครและค่ารักษาสิทธิ์เข้าศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยกำหนดไว้สูงถึง 20,000 บาท ซึ่งเป็นจำนวนเงินที่เด็กยากจนไม่สามารถจัดหาได้

 

โมเดล \"ทุนก้าวเพื่อน้อง\" พลัง FC \"พี่ตูน บอดี้สแลม\" สู่โอกาสเด็กยากจน

 

แผนพัฒนาระบบสนับสนุนในอนาคต

 

กสศ. กำลังพัฒนาระบบนวัตกรรมทางสังคมเพื่อแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาอย่างยั่งยืน โดยร่วมมือกับหลายหน่วยงาน เพื่อพัฒนาระบบข้อมูลที่จะเชื่อมโยงทุกหน่วยงานผ่าน API โดยใช้เลขประจำตัว 13 หลัก เรียกว่า Learning Passport หรือพาสปอร์ตการเรียนรู้

 

"เราต้องการสร้างระบบที่เรียกว่า Learning Passport ที่จะมีข้อมูลทั้งหมดของเด็กในรูปแบบพอร์ตโฟลิโอ เพื่อให้ทุกหน่วยงานที่มีงบประมาณสามารถเห็นข้อมูลเดียวกัน และสามารถส่งความช่วยเหลือไปยังเด็กได้ตรงกลุ่มเป้าหมาย โดยไม่ซ้ำซ้อนกัน" ดร.ไกรยสกล่าว