มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี (มทร.ธัญบุรี) เตรียมเปลี่ยนสถานะครั้งสำคัญ หลังร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี พ.ศ. .... ได้ผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี(ครม.)แล้วเมื่อ 11 มีนาคม 2568
โดยสเต็ปต่อไปจะเข้าสู่กระบวนการพิจารณาในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อตราเป็นกฎหมายต่อไป เพื่อปรับเปลี่ยนสถานภาพจากการเป็น "ส่วนราชการ" ไปสู่การเป็น "มหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ" อย่างเต็มรูปแบบ การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้นับเป็นก้าวสำคัญในประวัติศาสตร์ของสถาบันที่มีรากฐานมาจากวิทยาลัยเทคนิคและโรงเรียนอาชีวศึกษา
ฐานเศรษฐกิจ เจาะลึก สาระสำคัญของร่างพระราชบัญญัติจาก rmutt.ac.th ของ มทร.ธัญบุรี พบรายละเอียดที่น่าสนใจของร่างพระราชบัญญัติฉบับใหม่กำหนดให้ มทร.ธัญบุรี มีฐานะเป็นนิติบุคคลและเป็นหน่วยงานในกำกับของรัฐที่ไม่เป็นส่วนราชการตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน กฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และกฎหมายว่าด้วยการปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม และไม่เป็นรัฐวิสาหกิจตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณและกฎหมายอื่น
อย่างไรก็ตาม แม้จะปรับเปลี่ยนสถานะ แต่มหาวิทยาลัยยังคงมีสิทธิได้รับการจัดสรรงบประมาณแผ่นดินเช่นเดียวกับส่วนราชการ ซึ่งรัฐบาลต้องจัดสรรให้โดยตรงเป็นจำนวนที่เพียงพอสำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินการตามวัตถุประสงค์ของมหาวิทยาลัย การประกันคุณภาพการศึกษา และการพัฒนาการอุดมศึกษา
ตามร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ มทร.ธัญบุรี ยังคงยึดมั่นในวัตถุประสงค์หลักในการเป็นสถาบันการศึกษาทางวิชาการและวิชาชีพชั้นสูง โดยมุ่งเน้น
นอกจากนี้ มหาวิทยาลัยจะดำเนินการโดยยึดหลักสำคัญ 7 ประการ ได้แก่ ความเสมอภาคทางการศึกษา, การพัฒนาบุคลากรอย่างต่อเนื่อง, ความเป็นเลิศทางวิชาการและเสรีภาพทางวิชาการควบคู่กับคุณธรรมและจริยธรรม, การนำองค์ความรู้สู่สังคม, ความมีมาตรฐานและคุณภาพทางวิชาการในระดับสากล, การบริหารงานที่มีธรรมาภิบาลและการมีส่วนร่วมของผู้ปฏิบัติงาน, และความมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลของการบริหารจัดการ
สภามหาวิทยาลัย
มีนายกสภามหาวิทยาลัยที่ได้รับการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง และกรรมการสภามหาวิทยาลัยจำนวน 22 คน ประกอบด้วยกรรมการโดยตำแหน่ง กรรมการจากผู้บริหาร กรรมการจากผู้ปฏิบัติงาน และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากบุคคลภายนอก ซึ่งสภามหาวิทยาลัยมีหน้าที่และอำนาจในการควบคุมดูแลกิจการทั่วไปของมหาวิทยาลัย การกำหนดนโยบาย ออกข้อบังคับ และการอนุมัติในเรื่องสำคัญต่างๆ
สภาวิชาการ
ประกอบด้วยอธิการบดีเป็นประธาน และกรรมการจากผู้บริหาร คณาจารย์ประจำ และผู้ทรงคุณวุฒิภายนอก มีบทบาทในการพิจารณาเกณฑ์มาตรฐานเกี่ยวกับหลักสูตร การเรียนการสอน การวิจัย และการประกันคุณภาพการศึกษา
สภาคณาจารย์และพนักงาน
เป็นองค์กรที่ประกอบด้วยผู้แทนจากผู้ปฏิบัติงานในมหาวิทยาลัย มีหน้าที่ให้คำปรึกษาและข้อเสนอแนะต่อสภามหาวิทยาลัยและอธิการบดี รวมทั้งส่งเสริมจรรยาบรรณและความสามัคคีในองค์กร
ผู้บริหารมหาวิทยาลัย
นำโดยอธิการบดีซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดและรับผิดชอบการบริหารงานของมหาวิทยาลัย โดยมีวาระการดำรงตำแหน่งคราวละสี่ปี และจะดำรงตำแหน่งเกินสองวาระติดต่อกันมิได้ นอกจากนี้ยังมีรองอธิการบดี ผู้ช่วยอธิการบดี คณบดี และผู้อำนวยการสำนัก/สถาบันต่างๆ
การบริหารทรัพยากรบุคคล
ร่างพระราชบัญญัติกำหนดให้มหาวิทยาลัยสามารถบริหารงานบุคคลได้อย่างคล่องตัวมากขึ้น โดยกำหนดตำแหน่งพนักงานมหาวิทยาลัยเป็น 4 ประเภท ได้แก่ ตำแหน่งประเภทวิชาการ ตำแหน่งประเภทบริหาร ตำแหน่งประเภททั่วไป วิชาชีพเฉพาะ หรือเชี่ยวชาญเฉพาะ และตำแหน่งประเภทอื่นๆ ตามที่สภามหาวิทยาลัยกำหนด
สำหรับข้าราชการและลูกจ้างของส่วนราชการเดิม ร่างพระราชบัญญัติได้เปิดโอกาสให้เลือกเปลี่ยนสถานภาพมาเป็นพนักงานมหาวิทยาลัยหรือลูกจ้างของมหาวิทยาลัยได้ โดยสามารถแสดงเจตนาได้ในช่วงเวลาที่กำหนด และจะได้รับเงินเดือน ค่าจ้าง สวัสดิการ และประโยชน์ตอบแทนไม่น้อยกว่าที่เคยได้รับอยู่เดิม
การเงิน งบประมาณ และทรัพย์สิน
รายได้ของมหาวิทยาลัยประกอบด้วยเงินอุดหนุนทั่วไปที่รัฐบาลจัดสรรให้เป็นรายปี เงินและทรัพย์สินที่มีผู้อุดหนุนหรืออุทิศให้ เงินกองทุนต่างๆ ค่าธรรมเนียม ค่าบำรุง ค่าตอบแทน รายได้หรือผลประโยชน์จากการลงทุนหรือจากทรัพย์สินของมหาวิทยาลัย เป็นต้น โดยรายได้ของมหาวิทยาลัยไม่เป็นรายได้แผ่นดินที่ต้องนำส่งคลังตามกฎหมาย
มหาวิทยาลัยมีอำนาจในการบริหารจัดการทรัพย์สินของตนเอง โดยสามารถกู้ยืมเงิน ให้กู้ยืมเงิน ลงทุนหรือร่วมลงทุน และจัดตั้งหรือร่วมกับบุคคลอื่นในการจัดตั้งองค์กรที่เป็นนิติบุคคลได้ ภายใต้ขอบเขตที่กฎหมายกำหนด
การประกันคุณภาพและการประเมิน
มหาวิทยาลัยจะต้องจัดให้มีระบบการประกันคุณภาพการศึกษาเพื่อพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานการศึกษา มีการประเมินผลการปฏิบัติหน้าที่ของผู้บริหาร การประเมินหลักสูตรการศึกษา การเรียนการสอน และการวัดผล รวมทั้งการประเมินส่วนงานของมหาวิทยาลัย
บทเฉพาะกาลและการเปลี่ยนผ่าน
ร่างพระราชบัญญัติได้กำหนดบทเฉพาะกาลเพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่านจากระบบเดิมสู่ระบบใหม่ โดยให้โอนบรรดากิจการ ทรัพย์สิน สิทธิ หนี้ ภาระผูกพัน งบประมาณ และรายได้ของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรีตามพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล พ.ศ. 2548 มาเป็นของมหาวิทยาลัยตามพระราชบัญญัติใหม่
การบริหารงานในช่วงเปลี่ยนผ่านจะใช้สภามหาวิทยาลัย สภาคณาจารย์และข้าราชการ และสภาวิชาการชุดเดิมทำหน้าที่ไปพลางก่อน จนกว่าจะมีการจัดตั้งองค์กรบริหารชุดใหม่ตามพระราชบัญญัติ รวมทั้งให้ผู้ดำรงตำแหน่งอธิการบดี รองอธิการบดี ผู้ช่วยอธิการบดี คณบดี ผู้อำนวยการ และหัวหน้าส่วนงานต่างๆ คงดำรงตำแหน่งต่อไปจนกว่าจะครบวาระ
นอกจากนี้ ยังมีการจัดตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจเพื่อให้ความเห็นและกำหนดแนวปฏิบัติในกรณีที่มีปัญหาในการปฏิบัติตามบทเฉพาะกาล โดยมีนายกสภามหาวิทยาลัยเป็นประธาน
การออกข้อบังคับและระเบียบรองรับ
ร่างพระราชบัญญัติกำหนดให้มหาวิทยาลัยต้องออกข้อบังคับ ระเบียบ หรือประกาศเพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัติให้แล้วเสร็จภายในสองปีนับแต่วันที่พระราชบัญญัติมีผลบังคับใช้ ในระหว่างที่ยังไม่มีการออกข้อบังคับ ระเบียบ หรือประกาศดังกล่าว ให้นำพระราชกฤษฎีกา กฎทบวง ประกาศทบวงมหาวิทยาลัย และระเบียบที่ออกตามพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล พ.ศ. 2548 มาใช้บังคับโดยอนุโลมเท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับพระราชบัญญัติใหม่
ผลกระทบและความท้าทาย
การปรับเปลี่ยนสถานะเป็นมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐนำมาซึ่งทั้งโอกาสและความท้าทาย มหาวิทยาลัยจะมีความคล่องตัวในการบริหารจัดการมากขึ้น สามารถพัฒนาระบบบริหารงานบุคคลให้สอดคล้องกับความต้องการเฉพาะได้ มีอิสระในการบริหารการเงินและงบประมาณ และสามารถสร้างนวัตกรรมทางการศึกษาได้ดียิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม ความท้าทายสำคัญคือการปรับตัวของบุคลากรและระบบบริหารจัดการ การสร้างความเข้าใจกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย การพัฒนาระบบธรรมาภิบาลที่เข้มแข็ง และการสร้างความยั่งยืนทางการเงินในระยะยาว
จึงนับเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่จะเปิดศักราชใหม่ให้กับสถาบันการศึกษาที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน
อ่านรายละเอียด >> ร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี พ.ศ. ....