แจกเงินหมื่น ดิจิทัลวอลเล็ต เฟส 3 ลุ้นนายกฯ เคาะโครงการ 10 มี.ค.นี้

07 มี.ค. 2568 | 22:46 น.

ความคืบหน้าแจกเงินหมื่น ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต (Digital Wallet) ล่าสุด ลุ้นนายกฯ นัดประชุมบอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจ 10 มี.ค.นี้ พร้อมแจกเงิน 10,000 บาท เฟส 3 เช็คไทม์ไลน์ คุณสมบัติผู้มีสิทธิเข้าร่วมอีกครั้ง

ความคืบหน้าล่าสุดการแจกเงินหมื่น ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต (Digital Wallet) ซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบายสำคัญของรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โดยในวันที่ 10 มีนาคม 2568 นี้ นายกฯ ได้นัดประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ครั้งที่ 1/2568 ในเวลา 10.00 น. ณ ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล คาดว่าจะพิจารณาโครงการเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท เฟส 3 สำหรับบุคคลทั่วไป ที่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ ผ่านแอปพลิเคชันทางรัฐสำเร็จ

ทั้งนี้ที่ผ่านมา รัฐบาลได้แจกเงิน 10,000 บาท ให้กับประชาชนที่ได้รับสิทธิไปแล้ว 2 กลุ่มหลัก ผ่านโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 ผ่านกลุ่มผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ และโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านผู้สูงอายุ ซึ่งทั้งสองกลุ่มมีจำนวนรวมประมาณ 17 ล้านคน 

ขณะที่ไทม์ไลน์ของโครงการเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท เฟส 3 ล่าสุดนั้น นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ยืนยันว่า การแจกเงินดิจิทัล 10,000 เฟส 3 ให้กับบุคคลทั่วไปที่มีอายุ 16- 59 ปี ที่ลงทะเบียนแอปทางรัฐ จำนวน 16 ล้านราย ภายไตรมาส 2 ระหว่างเดือนเมษายน – มิถุนายน 2568

คุณสมบัติผู้เข้าร่วมโครงการเงินดิจิทัล

คุณสมบัติของผู้ที่มีสิทธิ์เข้าร่วมโครงการเงินดิจิทัล 10000 บาท เฟส 3 ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาคุณสมบัติผู้ที่ลงทะเบียน ผ่านแอปพลิเคชันทางรัฐ ตั้งแต่วันที่ 15 พ.ย.2567 โดยได้พิจารณาเกณฑ์ต่าง ๆ ดังนี้

  • เป็นบุคคลสัญชาติไทย
  • มีอายุตั้งแต่ 16 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป (ก่อนวันที่ 16 ก.ย.67)
  • เป็นผู้ที่ไม่มีรายได้เกิน 840,000 บาท (สำหรับปีภาษี 2566)
  • เป็นผู้ที่ไม่มีเงินฝากกับธนาคารพาณิชย์ และสถาบันการเงินเฉพาะกิจรวมกันเกิน 500,000 บาท (ณ วันที่ 31 มีนาคม 2567)
  • เป็นผู้ที่ไม่อยู่ระหว่างต้องโทษจำคุกในเรือนจำ
  • เป็นผู้ที่ไม่ถูกระงับสิทธิหรือถูกเรียกเงินคืนในมาตรการ/โครงการอื่น ๆ ของรัฐ
  • เป็นผู้ที่ไม่ฝ่าฝืนเงื่อนไขของมาตรการ/โครงการอื่น ๆ ของรัฐ

นอกจากนี้ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ยังเตรียมรับทราบรายงานสถานการณ์เศรษฐกิจไทยปัจจุบัน ซึ่งล่าสุดสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) ได้เปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ของไทยในปี 2567 พบว่า เศรษฐกิจไทยขยายตัว 2.5% เร่งขึ้นจากการขยายตัว 2% ในปี 2566 

ส่วนแนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี 2568 คาดว่าจะขยายตัว 2.3 – 3.3% (ค่ากลางการประมาณการอยู่ที่ 2.8%) ส่วนการอุปโภคบริโภค ประเมินว่า จะขยายตัว 3.3% และการลงทุนภาคเอกชน จะขยายตัว 3.2% ขณะที่มูลค่าการส่งออกในรูปดอลาร์สหรัฐ ขยายตัว 3.5% อัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยอยู่ในช่วง 0.5 - 1.5% และดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล 2.5% ของ GDP