วันที่ 2 มีนาคม 2568 สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต เปิดเผยผลสำรวจ "ดัชนีการเมืองไทย ประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2568" ชี้ให้เห็นว่าคะแนนผลงานรัฐบาลลดลงต่อเนื่อง ขณะที่ฝ่ายค้านได้รับคะแนนสูงสุดในรอบการสำรวจล่าสุด
จากการสำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ จำนวน 2,179 คน ทั้งแบบออนไลน์และภาคสนาม ระหว่างวันที่ 24-28 กุมภาพันธ์ 2568 พบว่า "ดัชนีการเมืองไทย" เดือนกุมภาพันธ์ 2568 ในภาพรวมได้ 5.02 คะแนน จากคะแนนเต็ม 10 ลดลงจากเดือนมกราคมที่ได้ 5.06 คะแนน สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของประชาชนต่อสถานการณ์การเมืองไทยที่มีแนวโน้มลดลง
ผลการสำรวจครั้งนี้มีการประเมินตัวชี้วัดทั้งหมด 25 ประเด็น โดย "ผลงานฝ่ายค้าน" ได้รับคะแนนสูงสุดที่ 5.42 คะแนน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคมที่ได้ 5.23 คะแนน สะท้อนให้เห็นว่าประชาชนมีความพึงพอใจต่อการทำหน้าที่ของฝ่ายค้านในการตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลมากขึ้น
อันดับที่สองคือ "สิทธิและเสรีภาพของประชาชน" ที่ได้ 5.39 คะแนน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคมที่ได้ 5.35 คะแนน แสดงให้เห็นว่าประชาชนรู้สึกว่าตนเองมีสิทธิและเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นมากขึ้น ตามมาด้วย "การมีส่วนร่วมของประชาชน" ที่ได้ 5.35 คะแนน เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากเดือนมกราคมที่ได้ 5.33 คะแนน
ขณะที่ "ผลงานของนายกรัฐมนตรี" อยู่ในอันดับที่ 4 ด้วยคะแนน 5.29 คะแนน ลดลงจากเดือนมกราคมที่ได้ 5.31 คะแนน สะท้อนให้เห็นว่าความนิยมของนายกรัฐมนตรีมีแนวโน้มลดลง แม้จะยังคงได้รับคะแนนในระดับที่ค่อนข้างสูงก็ตาม
ส่วน "ผลงานของรัฐบาล" อยู่ในอันดับที่ 9 ด้วยคะแนน 5.16 ลดลงจากเดือนมกราคมที่ได้ 5.26 คะแนน และลดลงอย่างต่อเนื่องจากเดือนธันวาคม 2567 ที่ได้ 5.33 คะแนน แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของประชาชนต่อการทำงานของรัฐบาลที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา
นอกจากนี้ "การบริหารประเทศตามนโยบายที่ประกาศไว้" อยู่ในอันดับที่ 12 ด้วยคะแนน 5.07 ลดลงจากเดือนมกราคมที่ได้ 5.10 คะแนน และ "การแก้ปัญหาต่างๆ ในภาพรวม" อยู่ในอันดับที่ 13 ด้วยคะแนน 5.03 ลดลงจากเดือนมกราคมที่ได้ 5.28 คะแนน สะท้อนให้เห็นว่าประชาชนยังไม่พึงพอใจต่อการแก้ไขปัญหาต่างๆ ของรัฐบาล
ประเด็นที่น่าสนใจคือ คะแนนในด้านเศรษฐกิจและปัญหาปากท้องของประชาชนยังคงอยู่ในระดับต่ำ โดย "สภาพเศรษฐกิจโดยภาพรวม" อยู่ในอันดับที่ 18 ด้วยคะแนน 4.86 ลดลงจากเดือนมกราคมที่ได้ 4.96 คะแนน
ตามมาด้วย "ค่าครองชีพ เงินเดือน ค่าจ้าง สวัสดิการ" ที่ได้ 4.84 คะแนน ลดลงจากเดือนมกราคมที่ได้ 4.98 คะแนน และ "ราคาสินค้า" ที่ได้ 4.75 คะแนน ลดลงจากเดือนมกราคมที่ได้ 4.92 คะแนน
ส่วนประเด็นที่ได้คะแนนต่ำสุด 3 อันดับสุดท้าย ได้แก่ "การแก้ปัญหายาเสพติดและผู้มีอิทธิพล" ที่ได้ 4.59 คะแนน ลดลงจากเดือนมกราคมที่ได้ 4.80 คะแนน "การแก้ปัญหาทุจริตคอร์รัปชัน ความโปร่งใส" ที่ได้ 4.61 คะแนน ลดลงจากเดือนมกราคมที่ได้ 4.76 คะแนน และ "การแก้ปัญหาความยากจน" ที่ได้ 4.62 คะแนน ลดลงจากเดือนมกราคมที่ได้ 4.77 คะแนน แสดงให้เห็นว่าประชาชนยังไม่พึงพอใจต่อการแก้ไขปัญหาเหล่านี้ของรัฐบาล
ด้านนักการเมืองที่มีบทบาทโดดเด่นในเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ทางฝ่ายรัฐบาล นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ได้รับความนิยมสูงสุดที่ 46.08% ตามด้วยนายอนุทิน ชาญวีรกูล 30.63% และนางสาวซาบีดา ไทยเศรษฐ์ 23.29%
ส่วนฝ่ายค้าน นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ได้รับความนิยมสูงสุดที่ 48.24% ตามด้วยนายรังสิมันต์ โรม 31.50% และนางสาวรักชนก ศรีนอก 20.26%
สำหรับผลงานที่ประชาชนชื่นชอบในเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ฝ่ายรัฐบาลได้รับการชื่นชมในเรื่อง "ตัดไฟ-ตัดเน็ต แก๊งคอลเซ็นเตอร์" มากที่สุดที่ 43.64% สะท้อนให้เห็นว่าประชาชนให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมทางไซเบอร์ที่กำลังเป็นปัญหาสำคัญในปัจจุบัน
ตามมาด้วย "แจกเงิน 10,000 บาท" 30.67% ซึ่งเป็นนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่รัฐบาลกำลังดำเนินการ และ "โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2568" 25.69%
ส่วนฝ่ายค้านได้รับการชื่นชมในเรื่อง "จี้ตัดไฟข้ามแดน" มากที่สุดที่ 45.23% แสดงให้เห็นว่าประชาชนให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์เช่นเดียวกัน ตามมาด้วย "ชำแหละงบประกันสังคม" 32.86% และ "ยื่นแก้รัฐธรรมนูญ" 21.91%
ผลสำรวจครั้งนี้ยังแสดงให้เห็นว่า ประเด็นที่มีคะแนนเพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคมมีเพียง 8 ประเด็น ในขณะที่มีประเด็นที่มีคะแนนลดลงถึง 16 ประเด็น และมีประเด็นที่มีคะแนนเท่าเดิม 1 ประเด็น สะท้อนให้เห็นว่าความเชื่อมั่นของประชาชนต่อการเมืองไทยในภาพรวมมีแนวโน้มลดลง
นอกจากนี้ ยังมีประเด็นที่น่าสนใจคือ "ความมั่นคงของประเทศ" ที่ได้คะแนน 5.26 เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคมที่ได้ 5.03 คะแนน และ "การพัฒนาด้านการศึกษาสำหรับประชาชน" ที่ได้คะแนน 5.22 เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคมที่ได้ 4.95 คะแนน สะท้อนให้เห็นว่าประชาชนมีความเชื่อมั่นต่อประเด็นเหล่านี้มากขึ้น
อย่างไรก็ตาม "ดัชนีการเมืองไทย" เดือนกุมภาพันธ์ 2568 ในภาพรวมยังคงอยู่ในระดับปานกลาง แสดงให้เห็นว่าประชาชนยังมีความเชื่อมั่นต่อการเมืองไทยในระดับหนึ่ง แต่รัฐบาลจำเป็นต้องเร่งแก้ไขปัญหาในประเด็นที่ได้คะแนนต่ำ โดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจและปากท้องของประชาชน เพื่อยกระดับความเชื่อมั่นของประชาชนให้สูงขึ้น
ทั้งนี้ ผลสำรวจดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงความคาดหวังของประชาชนที่มีต่อรัฐบาล โดยเฉพาะในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาปากท้อง การแก้ไขปัญหายาเสพติด การแก้ไขปัญหาทุจริตคอร์รัปชัน และการแก้ไขปัญหาความยากจน ซึ่งเป็นประเด็นที่ได้คะแนนต่ำที่สุดในการสำรวจครั้งนี้ หากรัฐบาลสามารถแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ก็จะสามารถยกระดับความเชื่อมั่นของประชาชนต่อการเมืองไทยในภาพรวมให้สูงขึ้นได้