วันนี้ (18 กุมภาพันธ์ 2568) ที่จังหวัดสงขลา น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ (ครม.สัญจร) ว่า ได้มอบหมายให้นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ที่ดูแลมาตรการทางการคลัง ไปประสานการทำงานกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) อย่างใกล้ชิด
“ทุกส่วนมีส่วนสำคัญอย่างมาก จึงต้องต้องช่วยกัน คงทำอยู่ฝั่งเดียวไม่ได้” น.ส.แพทองธาร ระบุ
ส่วนกรณีสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ประเมินแนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจในปี 2568 ที่ว่าจะขยายตัวประมาณ 2.8 % ต่างจากเป้าหมายของรัฐบาลตั้งเป้าไว้ 3% และพยายามดันให้ไป 3.5% นั้น นายกฯ มั่นใจว่า ในช่วงที่เหลือของปีนี้ จะผลักดันการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างเต็มที่ โดยรัฐบาลจะขอความร่วมมือจากธนาคารพาณิชย์และธนาคารแห่งประเทศไทยที่จะทำงานและแก้ปัญหาไปด้วยกัน
"ตัวเลขเศรษฐกิจไตรมาส 4 ของปี 2567เติบโตขึ้นเกือบทุกมิติ แต่ภาคลงทุนของเอกชนหดตัว ปัจจัยที่สำคัญ เช่น ธุรกิจเอสเอ็มอีที่มีสัดส่วน 75% ของประเทศ ได้รับการปล่อยสินเชื่อจากธนาคารพาณิชย์น้อย จะเห็นได้ว่าเป็นเวลานับ 10 ปีที่การพัฒนาธุรกิจต่าง ๆ ของภาคเอกชนลดน้อยลง บางอุตสาหกรรมที่เก่าไปแล้ว ไม่ได้รับเงินสินเชื่อ
ดังนั้นรัฐบาลพยายามทำทุกเรื่องเพื่อสนับสนุนการกระตุ้นเศรษฐกิจ และกระตุ้นให้ภาคเอกชนมีการลงทุนเพิ่มเติมมากยิ่งขึ้น เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชน ส่วนเรื่องการปล่อยสินเชื่อให้ภาคธุรกิจ ทางรัฐบาลต้องคุยกับ ธปท. เพื่อร่วมมือกัน”
น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า รัฐบาลพยายามหาทางกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่อง ทั้งการส่งเสริมการท่องเที่ยวทั้งในเมืองหลักและเมืองรอง ขณะที่ภาคเอกชนเองต้องดูด้วยว่าจะลงทุนเพิ่มเติมได้อย่างไรบ้าง และจากที่ได้เดินทางไปต่างประเทศ รัฐบาลก็พยายามที่จะดึงดูดให้มาลงทุนในประเทศไทย