"ตรึงราคาน้ำมันดีเซล 32 บาทต่อลิตร" 3-6 เดือน เอกชนวอนรัฐช่วยสกัดเงินเฟ้อ

03 มิ.ย. 2565 | 05:49 น.

"ตรึงราคาน้ำมัน 32 บาทต่อลิตร" 3-6 เดือน เอกชนวอนรัฐช่วยสกัดเงินเฟ้อ หลังราคาน้ำมันดิบและสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นจากผลกระทบของวิกฤตความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย ยูเครน

นายมนตรี มหาพฤกษ์พงศ์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยผลการสำรวจ FTI Poll ครั้งที่ 17 ในเดือนพฤษภาคม 2565 ภายใต้หัวข้อ “เงินเฟ้อกระทบต่อเศรษฐกิจไทยอย่างไร” พบว่า ผู้บริหาร ส.อ.ท. มองว่า ราคาน้ำมันดิบและสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้นจากผลกระทบของวิกฤตความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย – ยูเครน และปัญหา Supply chain disruption เป็นปัจจัยหลักที่เร่งให้ภาวะเงินเฟ้อปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น 

 

จนส่งผลให้ผู้ประกอบการต้องแบกรับภาระต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นทั้งจากราคาวัตถุดิบและพลังงาน รวมทั้ง ยังกดดันกำลังซื้อภาคครัวเรือนให้ลดลงอีกด้วย 

 

โดยผู้บริหาร ส.อ.ท. คาดว่าตลอดทั้งปี 2565 อัตราเงินเฟ้อของไทยจะอยู่ที่ระดับ 4 – 5% ดังนั้น จึงเสนอขอให้ภาครัฐเร่งพิจารณาออกมาตรการช่วยเหลือเฉพาะกลุ่ม โดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อยและผู้ประกอบการ SMEs รวมทั้ง ปรับลดภาษีนำเข้าวัตถุดิบที่จำเป็นต่อภาคการผลิต เช่น วัตถุอาหารสัตว์ ปุ๋ย เป็นต้น
 

และตรึงราคาน้ำมันดีเซลให้อยู่ที่ 32 บาทต่อลิตร ต่อเนื่องไปอีก 3 - 6 เดือน เพื่อบรรเทาผลกระทบของผู้ประกอบการและประชาชน

 

นอกจากนี้ หากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย – ยูเครน ทวีความรุนแรงมากขึ้น และเพิ่มความเข้มข้นของมาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซียจากยุโรปและสหรัฐ อาจส่งผลกระทบต่ออัตราเงินเฟ้อให้ปรับตัวสูงขึ้นอีก จนทำให้เศรษฐกิจโลกมีความเสี่ยงที่จะเข้าสู่ภาวะถดถอย หรือ Recession ได้

 

จากการสำรวจผู้บริหาร ส.อ.ท. (CEO Survey) จำนวน 200 ท่าน ครอบคลุมผู้บริหารจาก 45 กลุ่มอุตสาหกรรม และ 76 สภาอุตสาหกรรมจังหวัด มีสรุปผลการสำรวจ FTI Poll ครั้งที่ 17 จำนวน 6 คำถาม ดังนี้


1.  ปัจจัยใดเร่งให้เงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก 
   

  •  ราคาน้ำมันดิบและสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้น 86.50%
  •  ภาวะสงครามจากความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน  77.00%
  •  ต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น จากปัญหา Supply chain disruption 69.50%
  •  ความต้องการสินค้าและบริการที่มีมากเกินไปหลังการเปิดประเทศ 13.50% 
     

2.  ท่ามกลางภาวะเงินเฟ้อ ผลกระทบในเรื่องใดส่งผลต่อเศรษฐกิจและประชาชนในวงกว้าง 
   

  •  การแบกรับภาระต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น จนส่งผลต่อภาวะราคาสินค้าแพง     88.50%
  •  ภาระหนี้สินภาคครัวเรือน และการขาดสภาพคล่องของผู้ประกอบการ       64.00%
  •  กำลังซื้อภาคครัวเรือนที่ลดลง    57.00%
  •  ผู้ประกอบการมีความระมัดระวังในการลงทุน และจำกัดการจ้างงาน 30.50%

 

"ตรึงราคาน้ำมัน 32 บาท" 3-6 เดือน เอกชนวอนรัฐช่วยสกัดเงินเฟ้อ

 

3.  คาดการณ์เงินเฟ้อตลอดทั้งปี 2565 จะอยู่ในระดับใด
   

  •  อัตราเงินเฟ้อ 4 – 5 % 50.00%
  •  อัตราเงินเฟ้อ 6 – 8 % 43.00%
  •  อัตราเงินเฟ้อ 1 – 3 %  7.00%

 

 

4.  ภาคอุตสาหกรรมจะปรับตัวอย่างไร ท่ามกลางเงินเฟ้อที่ปรับต้วสูงขึ้นต่อเนื่อง 
     

  • ปรับปรุงกระบวนการผลิตเพื่อลดต้นทุน และบำรุงรักษาเครื่องจักร 74.50% ให้มีประสิทธิภาพ
  • นำเทคโนโลยีและระบบดิจิทัลมาช่วยในการดำเนินธุรกิจ 62.00%
  • เน้นการใช้วัตถุดิบภายในประเทศ เพื่อทดแทนการนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศ 54.00%
  • หาแหล่งวัตถุดิบใหม่ๆ ที่มีศักยภาพ เพื่อเป็นทางเลือก 50.50%

 

5.  ภาครัฐควรมีมาตรการอย่างไร ในการเร่งดำเนินการแก้ปัญหาภาวะเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูง 
     

  • มาตรการช่วยเหลือเฉพาะกลุ่ม โดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อย 59.50% และผู้ประกอบการ SMEs
  • ลดภาษีนำเข้าวัตถุดิบที่จำเป็นต่อภาคการผลิต  58.50%
  • ตรึงราคาน้ำมันดีเซลให้อยู่ที่ 32 บาทต่อลิตร ต่อเนื่องไปอีก 3 - 6 เดือน     58.00%
  • ควบคุมและดูแลราคาสินค้าไม่ให้มีการฉวยโอกาสปรับราคาเกินจริง 53.00%   

 สำหรับธุรกิจ Start up ให้มาลงทุนในไทยมากขึ้น 

 

6.  ปี 2565 จะมีโอกาสที่เศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะถดถอย (Recession) หรือไม่ 
     

  • เศรษฐกิจโลกมีความเสี่ยงเกิดภาวะถดถอย  76.00%
  • เศรษฐกิจโลกยังมีเสถียรภาพและสามารถขยายตัวได้  24.00%