ตลาดบ้านเชียงใหม่ติดเครื่อง"มาลาดา"ส่งModernJ"เจาะรุ่นใหม่โพสต์โควิด

ตอบรับการเปลี่ยนผ่านเชื้อโควิด-19 สู่โรคประจำถิ่น ที่ภาครัฐคลายมาตรการลงเป็นลำดับ เศรษฐกิจภาคเหนือค่อยกลับมาขับเคลื่อนอีกครั้ง นางศรีมาลา พรรณเชษฐ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มาลาดา จํากัด เปิดเผยว่า บริษัทฯซื้อที่ดินเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ทำโครงการ “MALADA Grand Coulee” เป็นโครงการที่ 6 ของเครือมาลาดา ตั้งอยู่ กิโลเมตรที่ 8 บน ถ.เชียงใหม่-สันกําแพงสายใหม่ ต.บวกค้าง อ.สันกําแพง จ.เชียงใหม่ พื้นที่รวมเกือบ 54 ไร่ 

"จากเศรษฐกิจดีก่อนเกิดโควิด เดิมเรามีแบบบ้าน 5 แบบ วางแผนจะพัฒนาเป็นโครงการเดียว ตั้งเป้าจะขายหมดใน 5 ปี แต่มาเจอการระบาดเชื้อโควิด-19 ทำให้ต้องปรับเปลี่ยน จากเดิมมีบ้านทั้งหมด 5 แบบ ได้เพิ่มแบบที่ 6 "Modern J" หรือญี่ปุ่นร่วมสมัย ในโซน Coulee จับกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เริ่มสร้างครอบครัว  ซึ่งมีกระแสตอบรับดีมาก"

นางศรีมาลา กล่าวอีกว่า เวลานี้ความต้องการที่อยู่อาศัยยังมีอีกมาก แต่ตอนนี้ไม่มีใครกล้าใช้จ่าย และช่วงนี้ไม่มีใครเปิดโครงการขึ้นมาใหม่เลย เพราะไม่แน่ใจ รอให้มีสัญญาณความปลอดภัยชัด ๆ ก่อนแล้วค่อยมาทำกิน แต่ของเราเป็นภาคบังคับ เปิดโครงการไปก่อนแล้วต้องเดินหน้าต่อ และเราไม่อยากให้คนลืมมาลาดา

"มาลาดา"ถนัดกับบ้านสไตล์โมเดิร์นอยู่แล้ว โดยบ้าน"Modern J" เป็นแบบอบอุ่น มีการนำวัสดุพื้นถิ่น เช่น อิฐ เข้ามาเป็นองค์ประกอบ และใช้ไม้เทียมเพื่อไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นจุดเน้นที่โดดเด่นของโครงการมาแต่ต้น

มีจำนวน 60 ยูนิต แบ่งเป็น 2 เฟส ๆ ละ  30 ยูนิต  บนพื้นที่ใช้สอยกว่า 128 ตารางเมตร ขนาด 2 ชั้น 3 ห้องนอน  2 ห้องน้ำ  2 ที่จอดรถ เพดานสูง ระแนงไม้เทียมด้านหน้าช่วยกรองแสง เพิ่มความเป็นส่วนตัว โครงสร้างมาตรฐานการผลิตจากเยอรมัน ควบคุมคุณภาพโดย SCG แข็งแรง ไม่ร้าว ไม่รั่ว กันเสียงได้ดีเยี่ยม ราคาพิเศษช่วงจอง 2.99 ล้านบาท จากราคาปกติ 3.29 ล้านบาท เดิมมาลาดาทำบ้านราคาประมาณ 3.5 ล้านบาทขึ้นไป พร้อมส่วนลดและของแถม ซึ่งได้รับการตอบรับดีมาก ต้องร่นเปิดเฟส 2 อีก 30 ยูนิตเร็ว ๆ นี้"  

กรรมการผู้จัดการมาลาดา กล่าวอีกว่า หลายคนสงสัยว่าทำไมต้อง Modern J เหตุจากสถานการณ์เศรษฐกิจ  และการแพร่ระบาดของโควิด-19  ทำให้ชีวิตของลูกค้าอยู่บ้านมากขึ้น รายได้ลดลง สมาชิกในครอบครัวน้อยลง จึงคิดทำบ้านที่ตอบโจทย์ตรงจุดนี้ บ้านจะมีสเกลที่ลงตัวกับคนรุ่นใหม่ ที่มีสมาชิก 1-3 คน และราคาจับต้องง่ายขึ้น คือ 2.99 ล้านบาท เสียงตอบรับที่ได้คาดว่าจะส่งมอบหลังสุดท้าย 60 ยูนิต ภายในกุมภาพันธ์ 2566 

ทั้งนี้ โครงการมาลาดาที่สันกำแพง จำนวน 283 ยูนิต  สไตล์โมเดิร์นคราฟท์ มีทั้งหมด 3 โซน ได้แก่ โซน M town อาคารพาณิชย์ด้านหน้าโครงการ ติดถนนใหญ่ ถัดมาโซน  Coulee บ้านขนาดเริ่มต้น เหมาะกับครอบครัวสมัยใหม่ และมีสวนส่วนกลางพื้นที่กว่า 2 ไร่ สุดท้ายโซน  Grand บ้านเดี่ยวพร้อมสระว่ายน้ำส่วนตัว และระบบไฟฟ้าใต้ดิน

ตลาดอสังหาริมทรัพย์เชียงใหม่ ยังเป็นเมืองที่มีโอกาสสูงค่อนข้างมาก เนื่องจากว่าเชียงใหม่เป็นเมืองที่ถนนมีการสร้างและขยายอยู่ตลอดเวลา เมื่อเกิดถนนก็จะเกิดพื้นที่ตลาดใหม่ ๆ เพิ่มขึ้น ขณะที่ราคายังไม่ได้ไปเร็วมาก อยู่ในระดับกลาง ๆ จึงยังจะไปได้อีกไกล

สำหรับลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย 3 กลุ่ม คือ 1.ลูกค้าคนไทยและอยู่ในภาคเหนือ 2. ตลาดใหญ่คือกรุงเทพฯหรือส่วนกลาง ถ้าโควิดคลี่คลายจะมาเชียงใหม่ค่อนข้างเยอะ 3.อีกตลาดหลักคือ ตลาดต่างประเทศ ซึ่ง 3 ปีที่ผ่านมาตลาดต่างประเทศหยุดชะงักไปหมด  ต้นปี 2566 คาดหวังว่าจะกลับมา ไม่ว่าจะกลับมาทางตรงคือมาซื้อบ้านเรา กลับมาทางอ้อมก็คือ มาอุดหนุนคนเชียงใหม่แล้วคนเชียงใหม่ก็มาซื้อบ้านมาลาดา

นางศรีมาลา ชี้ว่า เชียงใหม่เป็นเมือง 3 เจน คือ มาเติบโต มาทำงาน และมาเกษียณ เดิมมาลาดาจะขายบ้านให้กับคนไทยเป็นหลัก แต่คนไทยก็คือปล่อยเช่าให้กับกลุ่มคนจีนที่นำลูกมาเรียนในประเทศไทย ซื้อปุ๊บแล้ว มาลาดาก็หาลูกค้าเช่าให้ เป็นตลาดที่ค่อนข้างปลอดภัย หลักสูตร 6 ปีหรือ 12 ปี ก็ต้องอยู่จนครบ โดยตลาดของมาลาดาเป็นคนภาคเหนือตอนบนเป็นหลัก

"แม้เศรษฐกิจชะลอตัว การระบาดเชื้อโควิด-19 เป็นส่วนหนึ่งทำให้โครงการล่าช้าไป แต่ในวิกฤตก็มีโอกาส  ทุกวันนี้ลูกค้าที่มีกำลังซื้อบ้านไฮเอนด์ เป็นลูกค้าที่โตมาพร้อมกับโควิด-19 โตมาพร้อมกับออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มยูทูบเบอร์ คนที่ทำเกี่ยวกับมาร์เก็ตติ้งออนไลน์ และกลุ่มที่ขายสินค้าเกี่ยวกับความสวยความงาม ไม่ว่าจะเป็นผู้ขาย ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ ตั้งแต่เจ้าของโรงงาน เจ้าของแบรนด์ ไปจนถึงนักขายตรง ที่เป็นเซลล์

3 กลุ่มนี้รายได้ค่อนข้างดีพอ ๆ กัน ซึ่งสมัยก่อนเกิดโควิด มาลาดาไม่เคยเจอลูกค้ากลุ่มนี้เลย เป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงมาก ระดับราคาที่ขายได้ดีอยู่ที่ประมาณ 15-20 ล้านบาท  เป็นกลุ่มคนเชียงใหม่ที่ไปทำธุรกิจไปเติบโตที่กรุงเทพฯ ประสบความสำเร็จแล้วอยากกลับมาอยู่เชียงใหม่ แต่ตอนนี้ทำงานที่ไหนก็ได้"

สำหรับแผนลงทุนในอนาคต กรรมการผู้จัดการบริษัท มาลาดาฯ กล่าวว่า ไม่เน้นโครงการใหญ่ ขนาดพื้นที่ก็จะอยู่ที่ประมาณ 15-20 ไร่ จำนวน 100 กว่าหน่วยยูนิต ในโซนซุปเปอร์ไฮเวย์  แม่โจ้ ดอยสะเก็ด ซึ่งเป็นโซนที่เรายังไม่เคยมีโครงการบ้านมาก่อน อีกกลุ่มเป็นพื้นที่ที่ทำแล้วสำเร็จ เช่น หางดง แม่ริม  ก็อยากจะกลับไปทำเพิ่ม อยู่ระหว่างเปรียบเทียบ โดยมีสต็อกที่ดินอยู่ในมือ 2-3 โซน กำลังพิจารณว่าจะเป็นจุดไหน และใส่โปรดักส์แบบไหน โชคดีเรามีบ้านถึง 8 รูปแบบ 8 ราคา ทำให้สามารถ Test ตลาดได้