ครั้งแรกในไทย ดันนวัตกรรม "กำจัดผักตบชวา" แบบไร้สารพิษ

02 พ.ค. 2565 | 07:52 น.

กรมชลประทาน ดันนวัตกรรมช่วย "กำจัดผักตบชวา" คิดค้นสารละลายชนิดใหม่ ใช้ฉีดพ่น มีต้นทุนต่ำไร้สารพิษตกค้าง แก้ปัญหาขาดแคลนแรงงานคน ล่าสุด “อบต.-เทศบาล” สนใจขอใช้ สร้างคุณภาพชีวิตตลอดริมฝั่งคลองดีขึ้น

นางธัญลักษณ์ แต่บรรพกุล หัวหน้าฝ่ายวัชพืช ส่วนวิจัยและพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์และสิ่งแวดล้อม สำนักวิจัยและพัฒนา กรมชลประทาน เปิดเผยว่า ได้คิดค้นหาวิธีการ กำจัดผักตบชวา แบบใหม่ โดยใช้สารละลายฉีดพ่น ซึ่งมีต้นทุนต่ำ ไร้สารตกค้าง ช่วยแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของผักตบชวาได้ และขณะนี้ยังเตรียมนำไปขยายผลในหลายพื้นที่

 

ทั้งนี้ที่ผ่านมาการแพร่ระบาดของผักตบชวา ได้สร้างปัญหาในระบบชลประทานตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน อาทิ การกีดขวางการไหลของน้ำ ทำให้น้ำเปลี่ยนทิศทางไม่เป็นไปตามจุดมุ่งหมาย ลดอัตราการไหลของกระแสน้ำทำให้เกษตรกรได้รับน้ำไม่ทั่วถึง อ่างเก็บน้ำตื้นเขิน จุน้ำได้น้อยลง เป็นต้น

 

ดังนั้นเพื่อป้องกันการเกิดปัญหาในแหล่งน้ำ ที่กระทบต่อการบริหารจัดการน้ำในระบบชลประทาน โดยเฉพาะในฤดูน้ำหลาก ซึ่งรัฐบาลได้ให้ความสำคัญในเรื่องนี้ โดยมอบหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยกัน กำจัดผักตบชวา ที่ในแต่ละปีมีการระบาดอย่างรวดเร็วมากกว่า 10 ล้านตัน ในแหล่งน้ำทั่วประเทศ ที่อาจจะกีดขวางทางน้ำ 

 

นางธัญลักษณ์ กล่าวว่า กรมชลประทาน จึงได้คิดค้นหาวิธีการกำจัดผักตบชวาแบบไร้สารพิษ ด้วยการใช้น้ำมันสกัดจากพืชตระกูลยูคาลิปตัส (1,8 -Cineole) ผสมสารกลุ่มฮอร์โมนพืช (growth hormone) ชนิด 2,4-D ในรูปของเกลือ และผสมสารกลีเซอรีนลดแรงตึงผิว เพื่อให้เข้าสู่ใบของผักตบชวาได้เร็วขึ้น 

 

ปัญหาผักตบชวาขวางลำน้ำ

สำหรับสารผสมนี้ เรียกว่า สวพ. 62-RID No.1 ที่ผ่านมา ได้ใช้สารผสมนี้ในภาคสนามผลวิเคราะห์คุณภาพน้ำทางเคมีไม่มีการเปลี่ยนแปลง และไม่มีผลตกค้างของสารละลาย โดยปริมาณสาร 2,4-D ในน้ำอยู่ในเกณฑ์คุณภาพน้ำ เพื่อการคุ้มครองทรัพยากรสัตว์น้ำจืด สถาบันประมงน้ำจืดแห่งชาติ ฉบับที่ 2530 กรมประมง (สาร 2,4-D ระดับความเข้มข้นสูงสุดที่ยินยอมให้มีได้ค่า 45.0 มิลลิกรัม/ลิตร) 

 

ส่วนสาร 1,8-Cineole และกลีเซอรีนเป็นสารชีวภาพจะมีการสลายตัวในธรรมชาติด้วยจุลินทรีย์ โดยการใช้ สารละลาย ดังกล่าว ในการควบคุมกำจัดผักตบชวาให้หมดไปจากพื้นที่ชลประทาน จึงเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพ สะดวก รวดเร็ว ประหยัดค่าใช้จ่าย และปลอดภัยต่อสภาพแวดล้อม

 

อย่างไรก็ตามหน่วยงานที่ได้นำสาร สวพ. 62 ไปใช้มีหลายหน่วยงาน ยกตัวอย่างเช่น โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาพระพิมลเป็นส่วนหนึ่งของโครงการทุ่งฝั่งตะวันตกตอนล่างของแม่น้ำเจ้าพระยา ได้นำสารนี้ไปฉีดพ่นเพื่อควบคุมกำจัดผักตบชวาได้ผลเป็นที่น่าพอใจ ปัจจุบันสภาพคลองปราศจากผักตบชวาทำให้ประชาชนที่อาศัยบริเวณตลอดริมฝั่งคลองมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น การส่งน้ำมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก

 

การกำจัดผักตบชวา

 

“หลังจากประสบความสำเร็จในการทดลองใช้ เริ่มมีองค์การบริหารส่วนตำบล หรือ อบต. เริ่มเข้ามาขอสาร สวพ. 62-RID No.1 จากรมชลประทานเพื่อไปฉีดพ่นผักตบชวา จนไม่สามารถผลิตได้ทันส่วนหนึ่งมีข้อจำกัดเรื่องงบประมาณ จึงให้ อบต. หรือเทศบาลที่ต้องการนำสารที่เป็นส่วนผสมมาให้เพื่อผสมสารตามสูตรที่คิดค้นได้ ก่อนส่งมอบสารที่ผสมแล้วคืนให้ เทศบาล หรือ อบต.นำกลับไปใช้”

สำหรับการควบคุมจำกัดผักตบชวาปัจจุบันมีหลากหลายวิธี โดยหากเทียบต้นทุนต่อหน่วยที่เท่าๆ กัน พบว่า พื้นที่ 1 ไร่ ที่มีความหนาแน่นของผักตบชวา 50 ตัน พบข้อมูลดังนี้ 


การใช้แรงงานคน จะใช้คน 9 คนค่าจ้าง 3,400 บาท และค่าขนไปทิ้งระยะ 1 กิโลเมตร 675 บาท(ค่าน้ำมัน 25.49 บาท/ลิตร) วิธีนี้ดีไม่มีสารตกค้าง ใช้เวลา 1 วันกำจัดหมด แต่ขณะนี้แรงงานคนค่อนข้างจำกัด ในการประกอบกิจกรรมต่างๆ

 

การใช้เครื่องจักรกล มีต้นทุนขนย้ายเครื่องจักรในการเก็บผักตบชวา มูลค่าประมาณ 35,000 บาท และค่าน้ำมันและค่าขนไปทิ้งระยะทาง 1 ก.ม. 675 บาท (ค่าน้ำมัน 25.49 บาท/ลิตร) วิธีนี้ดีไม่มีสารตกค้าง ใช้เวลา 1 วันกำจัดหมด 

 

การใช้สารเคมี ต้นทุน 1,400 บาท มีสารตกค้าง 3 สัปดาห์ และใช้เวลา 60 วัน ผักตบชวาจะหมดไปจากพื้นที่ แต่การใช้สาร สวพ.62 มีต้นทุน 3,900 บาท ไม่มีสารเคมีตกค้าง ใช้เวลา 30 วัน ผักตบชวาก็หมดไปจากพื้นที่