HUAWEI มั่นใจศักยภาพไทยเป็นผู้นำเทคโนโลยี 5G ในอาเซียน

02 ธ.ค. 2564 | 06:28 น.

 “อาเบล เติ้ง” ซีอีโอหัวเว่ยฯ ประเทศไทย ย้ำความสำคัญของเทคโนโลยี 5G เป็นหัวจักรขับเคลื่อนเศรษฐกิจในยุค New Normal เผยไทยมีศักยภาพในการเป็นผู้นำ 5G ในอาเซียนจากความพร้อมทั้งด้านนโยบายและการเสริมหนุนด้านการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน  

นายอาเบล เติ้ง ประธานกรรมการบริหาร บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวภายใน งานสัมมนา 5G Thailand Big Move จัดโดยหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ร่วมกับกรุงเทพธุรกิจ และสปริงนิวส์ วันนี้ (2 ธ.ค.) ที่โรงแรมสยามเคมปินสกี้ ภายใต้หัวข้อ 5Gรับโลกอนาคต ว่า มนุษยชาติกำลังมุ่งหน้าสู่โลกแห่งดิจิทัล ซึ่งอาจให้นิยามคำว่าโลกแห่งดิจิทัล ดังนี้ คือ

  • อุปกรณ์ทุกอย่างจะมีตัวตรวจจับ (เซ็นเซอร์) ปัจจุบันมีใช้อยู่ประมาณ 40,000 ล้านชิ้นทั่วโลก
  • อุปกรณ์ทุกอย่างจะเชื่อมการทำงานเข้าด้วยกัน มีแล้วประมาณ 100,000 ล้านเครื่อง
  • ทุกอย่างจะเป็นอุปกรณ์อัจฉริยะ (Intelligent) 

HUAWEI มั่นใจศักยภาพไทยเป็นผู้นำเทคโนโลยี 5G ในอาเซียน

“การอุบัติขึ้นของโรคระบาดอย่างโควิดเป็นตัวเร่งให้กระบวนการ digital transformation หรือการเปลี่ยนผ่านสู่โลกแห่งดิจิทัล เกิดได้เร็วยิ่งขึ้น โรคระบาดอย่างโควิด-19 ทำให้เราต้องปรับเปลี่ยนวิถีการใช้ชีวิต สู่ชีวิตแบบปกติรูปแบบใหม่ (New Normal) เราต้องใช้บริการซื้อขายสินค้าทางออนไลน์มากขึ้น อี-คอมเมิร์ซขยายตัวอย่างมาก เราต้องทำงานจากที่บ้านมากขึ้น (work from home) ผู้คนใช้บริการคลาวด์มากขึ้น โควิดทำให้เราเข้าสู่โลกดิจิทัลทั้งมากและเร็วขึ้นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน”

 

ประธานฯหัวเว่ย ประเทศไทย ยังกล่าวด้วยว่า เมื่อพูดถึงการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคแห่ง “เศรษฐกิจดิจิทัล” สิ่งที่จะเข้ามาเป็นหัวจักรขับเคลื่อนที่สำคัญก็คือ เทคโนโลยี5G ทั้งนี้ ประสบการณ์ที่ผ่านมาในช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้โลกได้เห็นแล้วว่า ประเทศที่มีการใช้เทคโนโลยี5G อย่างแพร่หลาย เช่น จีน และเกาหลีใต้ ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากโรคระบาดดังกล่าวน้อยกว่า 

ไทยพร้อมเป็นผู้นำ 5G ในภูมิภาคอาเซียน

นอกจากนี้ เขายังมองว่า 5G จะเข้ามามีบทบาทอย่างมากและสร้างการเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นในสาธารณูปโภคพื้นฐานทางเศรษฐกิจ หรือ infrastructure ของประเทศ ไม่ว่าจะเป็นสนามบิน ท่าเรือ เครือข่ายคมนาคม และอื่น ๆ ซึ่งจะถูกยกระดับขึ้นด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล การเชื่อมโยงการทำงานเข้าด้วยกัน การประมวลผลอัจฉริยะ การสื่อสารอัจฉริยะ รวมถึงการทำงานด้วยหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ 

 

“5G จะเป็นมากกว่าการสื่อสาร โดยจะเป็นตัวแปรที่เพิ่มคุณค่า เพิ่มมูลค่า ให้กับอุตสาหกรรมต่าง ๆ เทคโนโลยี 5G จะทำให้อุตสาหกรรมการผลิตเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ยุคดิจิทัลได้ดีขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้น การผลิตที่เป็นระบบอัตโนมัติ ระบบอัจฉริยะ จะทำให้ประสิทธิผลในการผลิตเพิ่มมากขึ้น ขณะที่ใช้กำลังคนน้อยลง และช่วยปลดภาระทำให้คนทำงาน สามารถลดเวลาการทำงานลงด้วย” ผู้บริหารของหัวเว่ยฯ ยังกล่าวว่า  นอกจากการเชื่อมโยงผู้คนเข้าด้วยกันด้วยเทคโนโลยีการสื่อสารแล้ว 5G ยังหมายถึงประสบการณ์ใหม่ๆสำหรับประชาชนซึ่งเป็นผู้บริโภค และเพิ่มมูลค่าให้กับบริการด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการเล่นเกม การจองตั๋วเดินทาง รวมถึงบริการด้านการศึกษา 

HUAWEI มั่นใจศักยภาพไทยเป็นผู้นำเทคโนโลยี 5G ในอาเซียน

ทั้งนี้ เขาคาดการณ์ว่า ภายใน 9 ปีข้างหน้า เทคโนโลยี 5G จะเข้ามาสร้างรายได้ให้กับประเทศไทยและจะมีสัดส่วนราว 10% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) และเนื่องจากไทยเป็นประเทศที่มีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสำหรับ 5G ทั้งยังเปิดรับและมีการใช้เทคโนโลยีดังกล่าวนี้อย่างรวดเร็ว เป็น early adopter เมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆในภูมิภาค ทำให้เชื่อว่าไทยมีศักยภาพที่จะเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี 5G ในภูมิภาคอาเซียน

นอกจากนี้ หากไทยจะสร้างความแข็งแกร่งและเป็นผู้นำในด้านนี้ จะต้องมี 4 องค์ประกอบที่สำคัญคือนอกเหนือไปจาก (1) การสร้างสาธารณูปการพื้นฐาน (infrastructure) ให้พร้อมสำหรับเทคโนโลยี 5G แล้ว ยังต้องมี (2) การเสริมแรงหนุนด้านผู้ใช้หรือผู้บริโภค คือทำให้ผู้คนทั่วไปสามารถเข้าถึงเทคโนโลยี5G (public empowerment) ต้องทำราคาให้ผู้คนจับต้องได้ สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีได้อย่างทั่วหน้า และ (3) ต้องมีนโยบายและการลงทุน (policy & investment) ที่เกื้อหนุนการพัฒนาเทคโนโลยี 5G รวมทั้ง (4) การสร้างอีโคซิสเต็มและแพลตฟอร์มรองรับการขยายตัวของเทคโนโลยี 5G ซึ่งสามารถเห็นตัวอย่างได้จากนานาประเทศ เช่น จีน สหรัฐอเมริกา รวมทั้งหลายประเทศในยุโรป