ดร.สมพร สืบถวิลกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TIPH และ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ TIP เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานประจำงวด 9 เดือน สิ้นสุด วันที่ 30 กันยายน 2564 ว่า TIPH มีผลการดำเนินงานขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยสามารถทำกำไรสุทธิรวม 1,624.72 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 2.71 บาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่กำไรสุทธิ 1,609.99 ล้านบาท และกำไรสุทธิต่อหุ้น 2.68 บาท
ในส่วนของรายได้ บริษัทฯ มีเบี้ยประกันภัยรับรวม 19,397.81 ล้านบาท เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ 17% จากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยมีการเติบโตของเบี้ยประกันภัยรับในทุกประเภทผลิตภัณฑ์ นอกจากนี้ยังมีกำไรจากการลงทุนรวม 722.86 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.72% จากงวดเดียวกันของปีก่อน
สำหรับปัจจัยที่สนับสนุนให้กำไรเติบโตอย่างต่อเนื่องนั้นมาจากการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ให้ตรงกับความต้องการของลูกค้ามากขึ้น โดยการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ ๆ มาใช้ให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว และการร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อขยายฐานการตลาดให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย
นอกจากการผลักดันให้บริษัทมีการขยายตัวของเบี้ยประกันภัยรับอย่างต่อเนื่องแล้ว ในอนาคตอันใกล้บริษัทยังมีแผนการขยายธุรกิจในช่วงปลายปี 2564 ต่อเนื่องจนถึงปี 2565 ในการศึกษาแนวทางในการเข้าซื้อกิจการของบริษัทที่ประกอบธุรกิจสนับสนุนธุรกิจประกันภัย 2-3 ธุรกิจ โดยเน้นไปที่บริษัทที่ประกอบธุรกิจนายหน้าประกันภัย และบริษัทที่ประกอบธุรกิจสำรวจภัยและจัดการสินไหม
รวมทั้งการศึกษาความเป็นไปได้ในการตั้งบริษัทประกันภัยใหม่ หรือการเข้าซื้อกิจการที่มีใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันภัย เพื่อรองรับการขยายธุรกิจประกันภัยที่มีศักยภาพ เช่น Digital Insurance รวมถึงการ Spin Off หน่วยธุรกิจออกเป็นบริษัทใหม่
ล่าสุดคณะกรรมการบริษัทฯ ได้อนุมัติให้จัดตั้งบริษัท ทิพย ไอเอสบี จำกัด (TIP ISB) เพื่อเป็นบริษัทเรือธง หรือ Flagship Company สำหรับลงทุนในกลุ่มธุรกิจที่สนับสนุนธุรกิจประกันภัย (Insurance Supported Business)
“บริษัท ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ยังคงยืนยันเป้าหมายในการเดินหน้าขึ้นสู่การเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงธุรกิจประกันภัยไปสู่มิติใหม่ ขยายขอบข่ายการดำเนินธุรกิจเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้หลากหลาย ควบคู่ไปกับการมอบสิ่งดี ๆ คืนสู่สังคม รวมถึงสามารถสร้างผลตอบแทนที่ยั่งยืนให้แก่ผู้ถือหุ้นในอนาคต”