คลังเร่งหาเงินอุด"ประกันรายได้ข้าว"เพิ่ม หลังธ.ก.ส.โอนแล้ว 1.1 หมื่นล้าน

10 พ.ย. 2564 | 00:53 น.

คลัง เดินหน้าหาเงินอุด"ประกันรายได้ข้าวปี 2564/65 " เพิ่มอีก 7.6 หมื่นล้านบาท หลัง ธ.ก.ส. โอนเงินถึงมือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว 5 ชนิด วันแรก (9 พ.ย. 64) แล้วกว่า 5.3 แสนครัวเรือน เป็นเงินกว่า 11,200 ล้านบาท

 

ความคืบหน้า หลังจาก ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลให้ดำเนินจ่ายเงินตามโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2564/65 วงเงินรวม 13,225 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว และป้องกันความเสี่ยงด้านราคาไม่ให้ประสบปัญหาขาดทุน  โดย ธ.ก.ส.ได้เริ่มโอนเงินส่วนต่างการประกันรายได้ข้าว วันที่ 9 พฤศจิกายน 2564 เป็นวันแรก มีเกษตรกรได้รับประโยชน์จำนวน 530,842  ครัวเรือน เป็นเงิน 11,230.69 ล้านบาท 

 

"คลัง" หาเงินอุดเพิ่มอีก 7.6 หมื่นล้าน

 

ต่อเรื่องนี้นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังกล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ( 9 พ.ย.65 ) ได้มอบหมายให้กระทรวงการคลัง ไปหารือร่วมกับสำนักงบประมาณ เพื่อหาแหล่งเงินมาใช้ในโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ฤดูกาลผลิต 2564/65 ที่กระทรวงพาณิชย์เสนอมา จำนวน 89,306 ล้านบาท จากก่อนหน้านี้ที่ที่ประชุมครม. ได้อนุมัติงบประมาณก้อนแรก จำนวน 13,000 ล้านบาท โดยยังเหลือภาระที่ต้องเร่งหางบประมาณมาใช้ในโครงการอีก จำนวน 76,000 ล้านบาท

 

" ธ.ก.ส. ได้ดำเนินการจ่ายงวดที่ 1 และ 2 จำนวน 19,000 ล้านบาท ภายใน 1-2 วันนี้ แต่ ยังขาดอีก 76,000 ล้านบาท จากกรอบทั้งหมดที่กระทรวงพาณิชย์เสนอมาที่ 89,000 ล้านบาท "

 

นายอาคม กล่าวอีกว่า กระทรวงการคลังจะเร่งดำเนินการหาแหล่งเงินมาจ่ายเกษตรกร หลังกระทรวงพาณิชย์ ยืนกรานไม่ปรับลดราคาประกัยรายได้ โดยอ้างความจำเป็นในการช่วยเหลือเกษตรกร

 

ด้านนายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า กระทรวงการคลัง และสำนักงบประมาณ จะไปพิจารณาดึงงบฯ จากมาตรการ อาทิ โครงการช่วยเหลือเกษตรกรที่ซ้ำซ้อน หรือ ใกล้ปิดโครงการ กลับมาหมุนจ่ายเงินประกันรายได้ไปพลางก่อน โดยยืนยันว่า กระทรวงการคลัง จะจัดหาแหล่งเงินดูแลโครงการได้อย่างต่อเนื่องและเร็วที่สุด

 

อย่างไรก็ดี ส่วนตัวเห็นว่าโครงการ ฯนี้ ไม่ได้สร้างความเข้มแข็งให้เกษตรกร ซึ่งควรดูแลเกษตรกร ยกระดับช่วยเกษตรกร ผลิตข้าวที่มีมูลค่าเพิ่ม หรือมุ่งทำมาตรการลดต้นทุนการทำนา หากยังคงดำเนินนโยบายแทรกแซงราคาสินค้าเกษตรเช่นนี้ ก็เป็นเรื่องยากที่เกษตรกรจะปรับตัวรับการเปลี่ยนแปลงของโลก ... รมช.คลัง กล่าวทิ้งท้าย

 

สำหรับเกณฑ์ในการประกันรายได้แก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าว 5 ชนิด มีดังนี้

 

  • ข้าวเปลือกหอมมะลิ ตันละ 15,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 14 ตัน
  • ข้าวเปลือกหอมมะลินอกเขต ตันละ 14,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 16 ตัน
  • ข้าวเปลือกเจ้า ตันละ 10,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 30 ตัน  
  • ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ตันละ 11,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 25 ตัน
  • ข้าวเปลือกเหนียว ตันละ 12,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 16 ตัน

 

คลังเร่งหาเงินอุด"ประกันรายได้ข้าว"เพิ่ม หลังธ.ก.ส.โอนแล้ว 1.1 หมื่นล้าน


 

 

หลักเกณฑ์การจ่ายเงินประกันรายได้ข้าว เกษตรกรจะต้องขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวปีการผลิต 2564/65 กับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และต้องแจ้งวันที่คาดว่าจะเก็บเกี่ยว เพื่อใช้เป็นข้อมูลช่วงเวลาที่เกษตรกรจะได้รับสิทธิชดเชย โดยกรมส่งเสริมการเกษตรจัดส่งข้อมูลการขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าว จำแนกตามช่วงเวลาที่เก็บเกี่ยวและคำนวณปริมาณผลผลิต โดยใช้พื้นที่ทั้งหมดที่ขึ้นทะเบียนปลูกข้าวแต่ละชนิดคูณผลผลิตเฉลี่ยต่อไร่เป็นปริมาณผลผลิตที่ต้องชดเชย แต่ต้องไม่เกินปริมาณที่กำหนดไว้ข้างต้น ส่งให้ ธ.ก.ส. เพื่อเป็นข้อมูลในการจ่ายเงิน

 

จากนั้น ธ.ก.ส.จะดำเนินการจ่ายเงินเข้าบัญชีเกษตรกรโดยตรง ภายใน 3 วัน นับจากวันที่ได้รับราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงในแต่ละรอบจากคณะอนุกรรมการกำกับดูแลและกำหนดเกณฑ์กลางอ้างอิงโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว  ซึ่งเกษตรกรสามารถตรวจสอบผลการโอนเงินได้ทางแอปพลิเคชัน ธ.ก.ส. A-Mobile ตลอด 24 ชั่วโมง และจะมีข้อความแจ้งเตือนเงินเข้าบัญชีผ่าน  LINE Official BAAC Family กรณีที่ลูกค้าสมัครใช้บริการ BAAC Connect

 

คลังเร่งหาเงินอุด"ประกันรายได้ข้าว"เพิ่ม หลังธ.ก.ส.โอนแล้ว 1.1 หมื่นล้าน