SCBTประเมิน จีดีพีปี 65 ขยายตัว 3% เตือนธุรกิจรับมือดอกเบี้ยขาขึ้น

26 ต.ค. 2564 | 05:19 น.

ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด(SCBT) ประเมินปี65จีดีพีโต 3%ลุ้น 1เดือนหลังเปิดประเทศถ้าสัญญาณดีมีโอกาสขยับจีดีพีเพิ่ม ชี้เทรนดอกเบี้ยโลกขาขึ้นและเงินเฟ้อไทยกดดันธปท.

ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด(SCBT) ประมาณการจีดีพีไทยปีหน้าโต 3.0% จับสัญญาณ “ส่งออก ท่องเที่ยว การบริโภคในประเทศ” หลังเปิดประเทศ 1เดือน  ชี้เทรนดอกเบี้ยโลกขาขึ้นและเงินเฟ้อกดดันธปท. -ธุรกิจเตรียมรับมือต้นทุนเพิ่ม  ด้านทิศทางเงินบาทแนวโน้มแข็งค่า 32-31บาท/ดอลลาร์

SCBTประเมิน จีดีพีปี 65 ขยายตัว 3% เตือนธุรกิจรับมือดอกเบี้ยขาขึ้น

  ดร.ทิม ลีฬหะพันธุ์ นักเศรษฐศาสตร์ ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) หรือ SCBT  เปิดเผยว่า ธนาคารประมาณการเติบโตเศรษฐกิจไทย (จีดีพี) ในปี2565 อยู่ที่ 3.0%  โดยแนวโน้มเศรษฐกิจไทยจะทยอยฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป  ซึ่งธนาคารมองว่าการส่งออกยังคงขยายตัวได้ดีทั้งจากสินค้าอุตสาหกรรม  รถยนต์ และสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับราคาน้ำมัน แต่ขอติดตามสัญญาณการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวและการบริโภคภายในประเทศ โดยเฉพาะปลายเดือนพฤศจิกายน ภายหลังจากเปิดประเทศแล้ว  หากทั้ง 3ปัจจัยมีสัญญาณดี คือ การท่องเที่ยว การบริโภคปรับตัวดีตามการส่งออก และสามารถควบคุมสถานการณ์โควิดได้หลังเปิดประเทศอาจจะปรับประมาณการเศรษฐกิจเพิ่มจาก 3%

          อย่างไรก็ตามปีหน้า การดำเนินนโยบายการคลังยังคงเดินหน้าในการกระตุ้นการบริโภค การท่องเที่ยวและการลงทุนในประเทศ ที่สำคัญคือ ทำอย่างไรจะดึงนักลงทุนต่างชาติและนักลงทุนไทยกลับเข้ามาลงทุนในประเทศในปีหน้า  ซึ่งนโยบายการคลังยังเป็นเครื่องมือของรัฐบาลในการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่องจากสองปีที่ได้ดำเนินการมาแล้ว  

 

สำหรับปีหน้าโฟกัสจะอยู่ที่นโยบายการเงินซึ่งมีความท้าทายธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ในการคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ 0.50%ตลอดปีหน้าโดยไม่กระทบการฟื้นตัวของเศรษฐกิจท่ามกลางธนาคารกลางทั่วโลกอยู่ในเทรนจะดำเนินนโยบายดอกเบี้ยค่าขึ้น โดยเฉพาะธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา(เฟด)จะปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายก่อนปี 2566หรือไม่   

 

ดร.ทิมกล่าวเพิ่มเติมว่า แนวโน้มเงินเฟ้อของไทยในปีหน้าอาจจะทะลุ 2.0%จากปัจจุบันเริ่มขยับมาอยู่ 1.5-2.0% ซึ่งอัตราเงินเฟ้อยังเป็นปัจจัยกดดันธปท.เช่นกัน แต่ภาพรวมมองว่า แม้ธปท.จะคงดอกเบี้ยนโยบายแต่ดอกเบี้ยในตลาดเริ่มปรับขึ้นซึ่งจะเป็นประเด็นภาคธุรกิจต้องเตรียมรับมือต้นทุนดังกล่าว  นอกจากนี้ทิศทางค่าเงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าอยู่ในช่วง 32-31บาท/ดอลลาร์ในครึ่งแรกของปีหน้า

            “อีก 6-8เดือนข้างหน้าเงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าอยู่ในช่วง 32-31บาทตต่อดอลลาร์ ซึ่งสะท้อนจากการฟื้นตัวภาคท่องเที่ยวหลังเปิดประเทศ แต่ทั้งปีหน้าจะมีความผันผวนในตลาดการเงินจากหลายปัจจัย ไม่ว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยโดยดอกเบี้ยไทยจะปรับช้ากว่า ,เงินเฟ้อ ราคาน้ำมัน การเมืองในไทยจะเดินหน้าสู่การเลือกตั้งในปี2566 รวมถึงภาคท่องเที่ยวจะฟื้นได้หรือไม่ เพราะธปท.มองจำนวนนักท่องเที่ยว 5ล้านคน ส่วนกระทรวงการท่องเที่ยวคาดไว้ 15ล้านคนซึ่งตัวเลขยังกว้างมาก ขณะที่ยังไม่มีสัญญาณนักท่องเที่ยวจีนจะเดินทางเข้ามา ที่สำคัญโควิดข19จะกลับมาจนต้องล็อคดาวน์หรือไม่”

  

ดร.ทิม กล่าวโดยสรุปว่า ธนาคารประเมินการเติบโตจีดีพีของไทยในปี 2565 มีแนวโน้มจะเติบโตที่ระดับ 3.0% โดยการฟื้นตัวของเศรษฐกิจมีแนวโน้มแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยยังไม่มีสัญญาณว่าปีหน้า จีดีพีจะเติบโตได้ก้าวกระโดด  อย่างไรก็ตาม ถ้าแนวโน้มจำนวนนักท่องเที่ยวสามารถกลับมา 5-6ล้านคนในปีหน้า นอกจากสัญญาณบวกจากการส่งออกและการบริโภคขยายตัวได้ดีแล้ว โอกาสที่จะเห็นดุลบัญชีเดินสะพัดกลับมาสมดุลได้  เพราะ 8-9 เดือนที่ผ่านมา ดุลบัญชีเดินสะพัดของไทยขาดดุลมาอย่างต่อเนื่อง  โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนจะเป็นปัจจัยบวกต่อเศรษฐกิจของไทย ถ้าเริ่มเห็นนักท่องเที่ยวจีนออกเดินทางในปีหน้าอาจจะผลักดันเศรษฐกิจไทยให้ฟื้นตัวชัดเจนมากขึ้นจากที่คาดว่าเศรษฐกิจไทยยังคงทะยอยฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป