ดัชนีโมเดิร์นเทรดต่ำสุดรอบ 3 ปี จี้ รบ.แก้ปัญหาให้ถูกจุดจ่อตกงานกว่า10ล.คน

09 ส.ค. 2564 | 09:23 น.

ดัชนีโมเดิร์นเทรดไทยต่ำสุดรอบ 3 ปี ส่อแววทรุดต่อเนื่องยาว จี้รัฐบาลแก้ปัญหาให้ถูกจุดจ่อตกงานกว่า 10 ล้านคน   ชี้รัฐบาลควรเร่งฉีดวัคซีนโควิดให้ประชาชนครอบคลุมมากที่สุดโดยเฉพาะพื้นที่สำคัญทางเศรษฐกิจ สร้างความเชื่อมั่นกลับคืนมา

นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ เปิดเผยว่า กล่าวถึงผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการหรือโมเดิร์นเทรด ไตรมาส 2 ปี 2564  ว่า จากการสำรวจกลุ่มตัวอย่าง 120 ตัวอย่าง  ซึ่งเป็นตัวอย่างที่ครอบคลุมโมเดริ์นเทรดกว่า 60% ของไทยทั้งห้างสรรพสินค้า ซุปเปอร์มาร์เก็ต ไฮเปอร์มาร์เก็ต  ครอบคลุมตลาด 60% ของมูลค่าการค้าทั้งหมดของไทย โดยพบว่า สถานการณ์โดยรวม เช่น ยอดขาย กำไร จำนวนลูกค้า ราคาขายสินค้า การจ้างงาน ความสามารถในการแข่งขัน เป็นต้นนั้น แย่กว่าไตรมาสที่ 2 ของปีที่แล้วทั้งหมด

ดัชนีโมเดิร์นเทรดต่ำสุดรอบ 3 ปี  จี้ รบ.แก้ปัญหาให้ถูกจุดจ่อตกงานกว่า10ล.คน

แสดงว่าสถานการณ์ของไทยขณะนี้ถือว่าหนักหน่วงมากพอสมควร และมองว่าในอนาคตในไตรมาส 3ของปีนี้ก็ยังเห็นว่าสถานการณ์จะยังไม่ดีขึ้น และกังวลว่าสินค้าคงคลังจะเหลือมากขึ้นหากสถานการณ์โควิดไม่ดีขึ้น 

  

 

ดัชนีโมเดิร์นเทรดต่ำสุดรอบ 3 ปี  จี้ รบ.แก้ปัญหาให้ถูกจุดจ่อตกงานกว่า10ล.คน

ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการหรือโมเดิร์นเทรดไตรมาส 2 ปี 2564 อยู่ที่ระดับ 45.3 ถือเป็นดัชนีที่ต่ำสุดในรอบ 3 ปีหรือ  12 ไตรมาส  นับตั้งแต่เริ่มมีการสำรวจในไตรมาส 3 ปี 2561 โดยมีปัจจัยลบ คือการแพร่ระบาดของโควิดรอบ 3 ที่มีการระบาดเป็นวงกว้างและรวดเร็ว จำนวนผู้ติดเชื้อสูงขึ้นกระทบต่อการดำเนินชีวิตของประชาชน การทำธุรกิจ และภาวะเศรษฐกิจของประเทศในอนาคต โดยเฉพาะในภาคการท่องเที่ยว และบริการต่างๆการล็อกดาวน์ในจังหวัดต่าง ๆ การปิดสถานประกอบการบางประเภท  รวมทั้ง การขอให้ประชาชน และหน่วยงานภาครัฐ ทำงานจากที่บ้านหรือ Work From Home ความกังวลต่อแผนการกระจายวัคซีนที่ยังมีความไม่แน่นอนสูง รวมทั้งอาจทำให้สถานการณ์โควิด ยืดยาวออกไป และการล็อคดาวน์ในพื้นที่สีแดง 

การล็อกดาวน์พื้นที่เพิ่มเติม 29 จังหวัด ซึ่งเป็นจังหวัด เศรษฐกิจสำคัญ คิดเป็นสัดส่วน 78% ของจีดีพี ประเทศ  ส่งผลกับเศรษฐกิจภาพรวมเสียหาย 400,000-500,000 ล้านบาทต่อเดือน หนี้ภาคครัวเรือนที่ปรับตัวสูงขึ้นส่งผลทำให้การใช้จ่ายของภาคประชาชนให้ลดลง มีผลกับยอดขาย และลูกค้าในธุรกิจค้าปลีกปรับตัวลดลงต่อเนื่อง และมีมูลค่าความเสียหายแล้วประมาณ 2.7 แสนล้านบาท ” นายธนนวรรธน์ กล่าว 

 

ขณะที่ปัจจัยบวกคือมาตรการภาครัฐที่สนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 2และไตรมาส3 เช่น โครงการ คนละครึ่ง โครงการเราชนะโครงการม.33เรารักกัน เป็นต้น  การฉีดวัคซีนเริ่มเป็นรูปธรรมมากขึ้นและสถานการณ์โควิดทั้งโลกปรับตัวดีขึ้น มาตรการดูแลเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด การขยายตัวของธุรกิจ  E-commerce  คณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายมาอยู่ที่ระดับ 0.50%ต่อปี 

ข้อเสนอแนะที่รัฐบาลควรเร่งดำเนินการและแก้ไข คือ เร่งฉีดวัคซีนโควิดให้ประชาชนครอบคลุมมากที่สุดโดยเฉพาะพื้นที่สำคัญทางเศรษฐกิจ สร้างความเชื่อมั่น ในมาตรการป้องกันโควิด-19และให้บริการตรวจโรคโควิด-19 กระจายสู่ประชาชนโดยทั่วทุกภูมิภาคให้เร็วที่สุด และมากที่สุด โดยเฉพาะเขตหรือจังหวัดที่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่จำนวนมาก 

รัฐบาลควรมีมาตรการดูแลและตรวจสอบร้านค้าที่ขึ้นราคาสินค้าแบบไม่มีเหตุผล ในช่วงสถานการณ์โควิด เพื่อลดภาระค่าครองชีพของประชาชน โดยเฉพาะการขึ้นราคาของอาหารที่สั่งผ่านแอพพลิเคชั่นต่าง ๆว่ามีการเอาเปรียบผู้ประกอบการและผู้บริโภคหรือไม่ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้านการใช้จ่าย ขอให้เพิ่มจำนวนวงเงินโครงการช้อป ช่วย ชาติ เป็น 100,000บาทโดยไม่จำกัดหมวดสินค้า  เป็นต้น 

ด้านน.ส.ชลิดา  จันทร์สิริพงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร บริษัทกลุ่มเซ็นทรัล จำกัด และกรรมการและเลขานุการกลุ่มค้าปลีกและบริการ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การล็อคดาน์ในพื้นที่สีแดง 29 จังหวัด เป็นจังหวัดใหญ่มีกำลังซื้อสูง โดยยอดขายของโมเดิร์นเทรดคิดเป็น 70% ของยอดขายทั้งหมดทั้งประเทศของโมเดิร์นเทรด  เฉพาะกทม.-ปริมณทล มีสัดส่วนถึง 41 % ขณะที่ห้างสรรพสินค้าร้านอาหารยอดขายเหลือปัจจุบันเพียงไป 10-20%  ร้านสะดวกซื้อที่เปิดซื้อได้ 24 ชม.ยอดขายก็หายไปเช่นกัน  และยิ่งมีปัญหาการติดเชื้อของพนักงานในโรงงานส่งผลต่อซัพพลายเชน รวมไปถึงปัญหาการขนส่งที่เจอเคอร์ฟิว ทำให้บางโรงงานที่ผลิตอาหารสดเหลือกำลังการผลิตเพียง 30 % ซึ่งกว่าจะกลับมาได้ก็ประมาณเดือนต.ค.

ดัชนีโมเดิร์นเทรดต่ำสุดรอบ 3 ปี  จี้ รบ.แก้ปัญหาให้ถูกจุดจ่อตกงานกว่า10ล.คน

“ตั้งแต่มีการระบาดของโควิดเราพยายามพยุงการจ้างงานมาตลอดไม่อยากให้มีการจ้างงาน ในส่วนของเรามีผู้ประกอบการร้านค้าต่าง ๆ อยู่กับเรากว่า 1.2  ล้านราย และมีแรงงานไม่ต่ำกว่า 10 ล้านราย ซึ่งก็พยายามไม่ให้มีการเลิกจ้าง รวมทั้งช่วยซื้อผลผลิตการเกษตรที่ตกต่ำมาขายในห้าง ไม่มีการขึ้นราคาสินค้าแม้ว่าจะไม่ได้รับประโยชน์จากมาตรการรัฐ ขณะเดียวกันก็ช่วยให้ผู้ประกอบการได้รับซอฟท์โลนแต่ภาครัฐก็จัดให้ไม่ทั่วถึงซึ่งหากภายใน 30 วันนนี้ยังไม่ได้รับการจัดสรรก็อาจทำให้ร้านค้าต่าง ๆในห้างปิดกิจการไปกว่าแสนราย

ดัชนีโมเดิร์นเทรดต่ำสุดรอบ 3 ปี  จี้ รบ.แก้ปัญหาให้ถูกจุดจ่อตกงานกว่า10ล.คน

นายสุรงค์ บูลกุล ที่ปรึกษาคณะกรรมการกลุ่มค้าปลีกและบริการ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่าต้องการให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาให้ถูกจุด โดยธุรกิจค้าปลีก ซึ่งถือเป็นตัวกำหนดจีดีพี  ประเทศ ต้องการได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ โดยเฉพาะธุรกิจค้าปลีกรายย่อย โดยต้องการเข้าถึงโครงการคนละครึ่ง เพื่อเพิ่มยอดขายให้กับธุรกิจ การขยายเวลาการลดภาษีจนถึงปี 2565 เพื่อให้ภาคธุรกิจยังคงมีสภาพคล่องและรักษาการจ้างงานไว้ การดูแลในเรื่องของการสนับสนุนสาธารณูปโภคของนิติบุคคลเช่นเดียวกับการที่รัฐบาลช่วยเหลือ ประชาชนทั่วไป เพื่อลดต้นทุนรายจ่ายคงที่ของภาคธุรกิจทำให้มีสภาพคล่องมากขึ้น