บิ๊กเอกชนประสานเสียง เร่ง Rapid Test ตัวช่วยสกัดโควิด จี้รัฐหนุนราคาถูก

02 ส.ค. 2564 | 11:53 น.

เอกชนประสานเสียง เร่งตรวจ Rapid Test “รู้เร็ว แยกเร็ว รักษาเร็ว”จี้รัฐหนุนราคาถูก แนะรัฐปรับเกณฑ์แยกผู้ป่วย บริหารจัดการเตียงใหม่ คาดสถานการณ์โควิดยังยืดเยื้อไม่ต่ำ 2-3 เดือน หวั่นเอาไม่อยู่เศรษฐกิจเดินหน้าต่อไม่ได้

 

นายสนั่น  อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า หอการค้าฯ ได้หารือกับภาคเอกชนในเครือข่ายเกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดในขณะนี้ ว่ายังมีความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าภาครัฐจะพยายามตรวจเชิงรุกเพื่อหาผู้ติดเชื้อ แต่ก็ยังไม่รวดเร็วและเพียงพอ นอกจากนั้นการจัดหาและกระจายวัคซีนก็ไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้ ประกอบกับเชื้อโควิด-19 มีการกลายพันธุ์ ทำให้การระบาดในระลอกที่ 4 นี้ รุนแรงและรวดเร็ว

 

ทั้งนี้คาดว่าสถานการณ์จะยืดเยื้ออีก 2-3 เดือน รวมทั้งจะเกิดคลัสเตอร์ใหม่ ๆ เพิ่มเติม เช่น โรงงานอุตสาหกรรม สถานประกอบการ และชุมชนที่มีแรงงานเดินทางกลับภูมิลำเนา ซึ่งหากยังไม่สามารถควบคุมและตัดวงจรการแพร่ระบาดที่มีประสิทธิภาพ จะส่งผลกระทบต่อระบบสาธารณสุข และกระทบต่อเศรษฐกิจเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะภาคการผลิตและส่งออก ซึ่งเป็นช่องทางสุดท้ายที่เศรษฐกิจไทยเหลืออยู่ อาจจะเกิดการปิดโรงงาน หยุดการผลิต ซึ่งหากเป็นเช่นนี้ต่อไป เศรษฐกิจทั้งประเทศจะไม่สามารถเดินหน้าต่อไปได้

 

บิ๊กเอกชนประสานเสียง เร่ง Rapid Test ตัวช่วยสกัดโควิด จี้รัฐหนุนราคาถูก

 

 

หอการค้าไทยและเครือข่ายเอกชนทั่วประเทศ จึงได้เสนอแนวทางและมาตรการที่จะสนับสนุนการดำเนินงานของรัฐบาล เพื่อให้ทุกฝ่ายสามารถฝ่าวิกฤติครั้งนี้ไปได้ด้วยกัน โดยมีประเด็นข้อเสนอแนะ ดังนี้

            1. แนวทางที่ภาคเอกชนจะดำเนินการ เพื่อเสริมการดำเนินงานของรัฐบาล

  • ภาคเอกชนเห็นตรงกันว่า สถานการณ์ในขณะนี้ทุกฝ่ายต้องช่วยกันตรวจหาเชื้อ เพื่อให้ทราบตัวผู้ติดเชื้อก่อน โดยใช้แนวคิด “รู้เร็ว แยกเร็ว รักษาเร็ว” โดยภาครัฐจะต้องสนับสนุนการจัดหา Antigen Test Kit ให้มีราคาถูก หลากหลาย มีคุณภาพ และหาซื้อได้ง่าย ทั้งนี้ จะต้องเร่งดำเนินการในเชิงรุก รวมถึงมีการสื่อสารที่ชัดเจน เช่น วิธีการใช้ชุดตรวจทำอย่างไร ทิ้งอย่างไร ตรวจแล้วพบเชื้อต้องดำเนินการอย่างไร โดยอาจมีการทำคู่มือสำหรับประชาชนและสถานประกอบการ พร้อมย้ำว่า
  •  
  • ทุกฝ่ายจะต้องช่วยกันสร้างความรู้ความเข้าใจของโรคให้กับประชาชน (Covid Literacy) ให้เข้าใจวิธีการดูแลตัวเองที่ถูกต้อง และทันต่อการกลายพันธุ์ของเชื้อโรค
  •  
  • ภาคเอกชนหลายบริษัทได้มีการกำหนดมาตรการและแนวทางปฏิบัติกลาง เพื่อนำไปปรับใช้สำหรับสถานประกอบการหรือโรงงานให้สอดคล้องกับศักยภาพของสถานประกอบการ ทั้งขนาดใหญ่ กลาง และเล็ก ในลักษณะการจัดทำแผนหรือมาตรการดูแลพนักงาน ทั้งกรณีที่ทำงานและที่พักอยู่ในพื้นที่บริเวณเดียวกัน และกรณีที่ทำงานกับที่พักอยู่ต่างที่กัน ทั้งแผน Home Isolation/ Company Isolation
  •  
  • นอกจากนั้น ยังพร้อมทำความร่วมมือกับโรงพยาบาลและโรงแรม เพื่อเป็นที่พักให้พนักงานที่ติดเชื้อ มีการอบรมพนักงานในโรงแรม ให้สามารถช่วยเหลือทีมแพทย์ในการดูแลผู้ป่วยเบื้องต้นได้ และให้เอกชนจับคู่กับโรงพยาบาลใกล้เคียงหรือโรงพยาบาลภายใต้ ม.33 เพื่อช่วยให้คำปรึกษาและดำเนินการ เป็นต้น

 

 

  • การแพร่ระบาดของสายพันธุ์ใหม่มีแนวทางที่เปลี่ยนไปจากเดิม หอการค้าไทยเสนอให้มีการทำงานร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขในการทำความเข้าใจ วิธีการป้องกันใหม่ รวมถึงแนวทางการดำเนินการ สำหรับผู้ประกอบการและประชาชน ให้เข้าใจตรงกันและปฏิบัติตัวให้เหมาะสม ในรูปแบบของพี่ช่วยน้อง นอกจากนั้น เพื่อให้ประชาชนและผู้ประกอบการเข้าถึง Rapid Antigen Test kit ในราคาที่เหมาะสม หอการค้าไทยได้ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการทำคำแนะนำ และช่วยผู้ประกอบการจัดหาชุดตรวจฯ ในราคาที่เหมาะสมต่อไป
  •  
  • บิ๊กเอกชนประสานเสียง เร่ง Rapid Test ตัวช่วยสกัดโควิด จี้รัฐหนุนราคาถูก

2. ขอความร่วมมือและการสนับสนุนจากภาครัฐ

  • Rapid Antigen Test Kit ในราคาที่เหมาะสม ผู้ประกอบการและประชาชนสามารถเข้าถึงได้ หรือภาครัฐมีการสนับสนุน หาซื้อได้ง่าย มีคุณภาพตามมาตรฐาน และมีปริมาณเพียงพอ รวมถึง
    การบริหารจัดการในการกำจัด
  •  
  • ปรับระบบการบริหารจัดการเตียงใหม่ โดยแยกประเภทและการใช้ระหว่างกลุ่มเสี่ยง (สีเขียว) และผู้ป่วย (สีเหลือง สีแดง) ให้ชัดเจน ปรับลดเกณฑ์ Hospitel และเพิ่ม Hotel Isolation สำหรับรองรับกลุ่มสีเขียว เพื่อลดการใช้เตียงในโรงพยาบาลสนาม และโรงพยาบาล สำหรับผู้ป่วยสีเหลือง และสีแดง
  •  
  • เพิ่มจำนวนสถานที่และเตียง โดยภาครัฐสามารถมาสนับสนุนเอกชนในการทำ Company Isolation หรือ Hospitel โดยติดต่อโรงแรมขนาดกลางและขนาดเล็ก โดยรัฐบาลช่วยจ่ายค่าที่พัก รวมถึงการลงทุนของโรงแรม ในการปรับระบบการจัดการสถานที่ให้เหมาะสมกับการดูแลผู้ติดเชื้อ
  •  
  • การใช้ Telemedicine ควรมี database กลาง และกระบวนการที่ชัดเจน โดยเพิ่มการแนะนำและติดตามอาการผ่านวิดีโอคอล มีแพทย์ให้คำแนะนำดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อสร้างความมั่นใจกับผู้ป่วย
  •  
  • 25 ศูนย์ฉีดวัคซีนของภาคเอกชน พร้อมสนับสนุนการทำงานของรัฐบาล เพื่อให้วัคซีนเข้าถึงประชาชนได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
  •  
  • ในระยะถัดไป อาจมีการกลายพันธุ์ของไวรัสอีก ดังนั้น ภาครัฐควรสนับสนุนและส่งเสริมการลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องให้เร็วที่สุด ทั้งอุปกรณ์และเครื่องมือทางการแพทย์ เช่น วัคซีน ยา และ Rapid Test Kit เป็นต้น เพื่อให้มีการผลิตในประเทศไทย โดยสามารถให้เอกชนร่วมกันสนับสนุน
  •  

บิ๊กเอกชนประสานเสียง เร่ง Rapid Test ตัวช่วยสกัดโควิด จี้รัฐหนุนราคาถูก

 

“สถานการณ์การแพร่ระบาดยังมีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ และดูเหมือนเรากำลังตามแก้ไขปัญหาทุกส่วนจึงต้องปรับวิธีการให้เป็นเชิงรุกอย่างจริงจัง หอการค้าไทยและเครือข่ายภาคเอกชน ตลอดจนสมาชิกทุกกลุ่มธุรกิจ มีความพร้อมและยินดีที่จะทำงานอย่างใกล้ชิดกับภาครัฐ เพื่อหาแนวทางร่วมแก้ไขวิกฤตินี้ให้ผ่านพ้นไปให้ได้” นายสนั่น กล่าว