ส.อ.ท.จี้รัฐดูแล 23 อุตสาหกรรมจำเป็นยิ่งยวด ห้ามขาดแคลนเด็ดขาด

17 ก.ค. 2564 | 05:04 น.

โรงงานผวาล็อกดาวน์-เคอร์ฟิวพื้นที่สีแดงเข้ม กระทบภาคผลิต สภาอุตฯจี้รัฐดูแล 23 อุตสาหกรรมที่มีความจำเป็นต่อการดำรงชีพไม่ให้เกิดการขาดแคลน หวั่นซ้ำเติมสถานการณ์โควิดระบาด ขณะล่าสุดกระทบคนงานต้องเข้า-ออก เปลี่ยนกะเร็วขึ้นจากผลเคอร์ฟิว

ศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดต่อเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ได้เห็นชอบการปรับมาตรการคุมเข้มสถานการณ์โควิดในพื้นที่สีแดงเข้ม 10 จังหวัด หรือพื้นที่ควบคุมสูงสุด ในจำนวนนี้ 6 จังหวัด(กทม.และปริมณฑล) ได้จำกัดการเคลื่อนย้ายและการดำเนินกิจกรรมของบุคคลให้มากที่สุด โดยระบบขนส่งสาธารณะปิดให้บริการตั้งแต่ 21.00-05.00 น. และมีเคอร์ฟิวห้ามการเดินทางที่ไม่จำเป็นและห้ามออกจากเคหสถานระหว่างเวลา 21.00-04.00 น.เป็นเวลา 14 วัน (เริ่มตั้งแต่ 12 ก.ค.เป็นต้นมา)นั้น

 

นายเกรียงไกร  เธียรนุกุล รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.)เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ”ว่า ผลพวงจากมาตรการดังกล่าวภาคผลิตอุตสาหกรรมขอให้ภาครัฐช่วยดูแลไม่ให้ส่งผลกระทบกับอุตสาหกรรมที่มีความจำเป็นอย่างยิ่งยวด เพื่อป้องกันไม่ให้สินค้าที่จำเป็นขาดแคลนในสถานการณ์โควิดที่ยังระบาดรุนแรง โดยสินค้าที่มีความจำเป็นยิ่งยวดมี 23 อุตสาหกรรม 

ประกอบด้วย อุตสาหกรรมอาหาร น้ำตาล น้ำมันปาล์ม เครื่องจักรกลการเกษตร การพิมพ์และบรรจุภัณฑ์ พลาสติก  แก้วและกระจก เยื่อและกระดาษ  อลูมิเนียม, อุตสาหกรรมยา สมุนไพร เครื่องมือแพทย์ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เทคโนโลยีชีวภาพ เครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์ยาง, อุตสาหกรรมสิ่งทอ เครื่องนุ่งห่ม, อุตสาหกรรมผู้ผลิตไฟฟ้า โรงกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม ก๊าซ พลังงานหมุนเวียน และอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศ นอกจากนี้ยังรวมถึงการขนส่งสินค้า(โลจิสติกส์) เพื่อป้องกันไม่ให้หยุดชะงัก

ส.อ.ท.จี้รัฐดูแล 23 อุตสาหกรรมจำเป็นยิ่งยวด ห้ามขาดแคลนเด็ดขาด

 

“สภาอุตสาหกรรมฯขอให้ภาครัฐงัดแผนเดิมที่เคยนำเสนอในการดูแลอุตสาหกรรมที่มีความจำเป็นต่อชีวิตประจำวันไม่ให้ได้รับผลกระทบตั้งแต่การระบาดของโควิดในระลอกที่ 1 และ 2 โดยดูแลไม่ให้เกิดผลกระทบทำให้โรงงานต้องหยุดผลิต หรือเกิดปัญหาความล่าช้าจากการขนส่งวัตถุดิบเข้าโรงงาน หรือขนส่งสินค้าเพื่อจำหน่ายในประเทศหรือเพื่อส่งออกจากการตั้งด่านของเจ้าหน้าที่คุมเข้มการเคลื่อนย้ายประชาชนเพื่อควบคุมโควิด โดยต้องมีการบูรณาการและประสานงานกันให้ดีระหว่างจังหวัดของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในทางปฏิบัติ เพราะในข้อเท็จจริงแรงงานของโรงงานอาจพักอีกจังหวัดหนึ่ง เช่น โรงงานตั้งอยู่ที่อยุธยา แต่คนงานพักอยู่ที่อ่างทอง สิงห์บุรี อาจมีปัญหาในการเดินทาง เป็นต้น ”

 

ส.อ.ท.จี้รัฐดูแล 23 อุตสาหกรรมจำเป็นยิ่งยวด ห้ามขาดแคลนเด็ดขาด

 

นายเกรียงไกร กล่าวอีกว่า ผลพวงจากล็อกดาวน์ และเคอร์ฟิวต่อภาคอุตสาหกรรมการผลิตเวลานี้ยังกระทบไม่มาก แต่มีผลบ้างเช่น จากที่ระบบขนส่งสาธารณะต้องปิดให้บริการเวลา 21.00-05.00 น. มีผลต่อการเดินทางของพนักงาน ทำให้การสลับกะการทำงานในโรงงานในช่วงเวลากลางคืนต้องปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกัน โดยคนออกกะและสลับกะเร็วขึ้น เป็นต้น