นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ระบบเศรษฐกิจของประเทศไทยน่าจะสามารถฟื้นตัวจนกลับเข้าสู่รูปแบบเดิม หรือเป็นปกติก่อนที่จะมีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 (Covid-19) ได้ภายในระยะเวลาประมาณ 12-18 เดือนข้างหน้านี้ หรือเชื่อว่าจะใช้ระยะเวลาอีกไม่นาน
ทั้งนี้ เนื่องจากหากมองไปที่ดัชนีชี้วัดทางเศรษฐกิจที่ผ่านมาต่างก็ระบุชัดเจนว่าดีขึ้นทุกภาคส่วน โดยพบว่าเศรษฐกิจไทยได้ผ่านพ้นจุดต่ำสุดไปแล้วตั้งแต่ไตรมาส 2/63 ที่ผ่านมา เพราะฉะนั้นการที่จะฟื้นตัวเข้าสู่ระบบปกติจึงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ยากเท่าใดนัก
ขณะที่เรื่องของการพัฒนาวัคซีนจากทั่วโลก หรือแม้กระทั่งในประเทศไทยเองก็ถือว่ามีความคืบหน้าไปได้มาก โดยเมื่อวัคซีนได้ผลเป็นที่น่าพอใจ และสามารถช่วยป้องกันโควิด-19 ได้ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยก็จะยิ่งเป็นไปได้ด้วยความรวดเร็ว จากการเปิดประเทศให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามา เศรษฐกิจก็จะกลับมาคึกคักมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่จะต้องดำเนินการต่อในระยะต่อไปก็คือ หลังจากที่ผ่านพ้นวิกฤติโควิด-19 ไปเรียบร้อยแล้ว ต้องการที่จะให้ประเทศไทยมีสภาพเศรษฐกิจ หรือระบบเศรษฐกิจที่มั่นคง และเข้มแข็งมากกว่าที่ผ่านมา ไม่ใช่เพียงแต่ต้องการให้กลับไปสู่สภาพเศรษฐกิจก่อนโควิด-19 โดยเร็วเท่านั้น โดยเป็นความต้องการของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยที่ระบุออกมาอย่างชัดเจน
“นี่เป็นโจทย์ที่ทีมงานทางด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลทุกคน รวมถึงตนด้วยซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของทีม จะต้องกลับไปหาแนวทาง หรือทบทวนพิจารณาหามาตรการที่จะมาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไปในระยะข้างหน้า
อย่างไรก็ดี เชื่อว่าในช่วงต้นปี 64 น่าจะมีการสร้างความเข็งแข็งให้กับประเทศไทยได้มากไปกว่าเดิมหลังจากที่ผ่านพ้นสถานการณ์ทางด้านโควิด-19 ไปแล้วให้เป็นประเทศชั้นนำในกลุ่มอาเซียน เหมือนกับที่ไทยเคยเป็นประเทศอันดับต้นของอาเซียนมาโดยตลอดเหมือนในอดีต
“มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะต่อไปจะเป็นอย่างไร คงต้องรอดูอีกสักระยะหนึ่งก่อน เพื่อหาแนวทางที่เหมาะสมกับสภาวะการณ์ในขณะนั้นให้มากที่สุด ส่วนความกังวลว่าจะมีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอก 2 และอาจมีผลทำให้เศรษฐกิจต้องชะลอตัวลงไปอีก ในความคิดเห็นส่วนตัวเชื่อว่าการระบาดรอบ 2 คงจะไม่เกิดขึ้น ด้วยความร่วมมือกันป้องกัน และระมัดระวังของประชาชนคนไทยในประเทศ”