นายณัฐพล รังสิตพล อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กล่าวในพิธีเปิดงานสัมมนา “ผ่าความลับอาหารมิเอะ เสน่ห์เติมเต็มประสบการณ์ผู้บริโภคไทย” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการฉลองความสำเร็จ 1 ปีของการจัดตั้ง “ศูนย์นวัตกรรมจังหวัดมิเอะ-ประเทศไทย” ว่า งานวันนี้ถือเป็นการสานต่อความร่วมมือที่เกิดขึ้นระหว่าง 3 หน่วยงานด้วยกัน ได้แก่ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม(กสอ.) สถาบันอาหาร และจังหวัดมิเอะ ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเริ่มต้นจัดตั้งศูนย์นวัตกรรมจังหวัดมิเอะ-ประเทศไทย (Mie-Thailand Innovation Center) เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2561 ที่ผ่านมา โดยได้ติดตั้งเครื่องจักรและอุปกรณ์สำหรับการแปรรูปอาหาร ที่ได้รับจากบริษัท ซูเอฮิโระ อีพีเอ็ม (SUEHIRO EPM) ประเทศญี่ปุ่น เพื่อช่วยยกระดับผู้ประกอบการไทยในการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์อาหารต้นแบบ ให้มีศักยภาพและเพิ่มความสามารถทางการแข่งขัน สามารถมุ่งไปสู่เวทีระดับโลกได้ แม้ปัจจุบัน เศรษฐกิจโลกจะมีความผันผวน แต่สินค้าอาหารก็ยังเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการดำรงชีวิต เพียงแต่ผู้ประกอบการจะต้องปรับตัวให้ทันความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภค ซึ่งนวัตกรรมและเทคโนโลยีจะสามารถเข้ามาตอบโจทย์ดังกล่าวได้
ณัฐพล รังสิตพล
“ความร่วมมือระหว่างจังหวัดมิเอะกับประเทศไทยในครั้งนี้ จะเป็นการสนับสนุนให้การส่งออกกลุ่มสินค้าอาหารแปรรูปของไทยมีความหลากหลายด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม สามารถตอบสนองความต้องการของตลาดได้ดียิ่งขึ้น เชื่อว่าจะมีส่วนผลักดันให้การส่งออกกลุ่มสินค้าอาหารแปรรูปของไทยเติบโตได้อย่างรวดเร็ว ในอนาคตทางศูนย์ฯ มีแผนช่วยเหลือผู้ประกอบการในด้านการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารอย่างต่อเนื่อง เตรียมเปิดให้บริการเช่าใช้เครื่องมือต่างๆ ภายในศูนย์ฯ รวมทั้งการส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือระหว่างผู้ประกอบการไทยและผู้ประกอบการจังหวัดมิเอะ ประเทศญี่ปุ่น ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารร่วมกัน โดยอาศัยจุดแข็งของกันและกัน เช่น การแลกเปลี่ยนทางเทคโนโลยี การแลกเปลี่ยนวัตถุดิบของไทยและจ.มิเอะ ญี่ปุ่น เพื่อยกระดับการแปรรูปผลิตภัณฑ์อาหาร เป็นต้น”
นายวะตะรุ มุระคามิ อธิบดีกรมการจัดหางานและเศรษฐกิจ จังหวัดมิเอะ ประเทศญี่ปุ่น กล่าวว่า ศูนย์นวัตกรรมจังหวัดมิเอะ-ประเทศไทย จัดตั้งขึ้นเพื่อเป็นฐานในความร่วมมือทางอุตสาหกรรมระหว่างไทยและจังหวัดมิเอะ และใช้ประโยชน์จากจุดแข็งของกันและกัน ในวันพิธีเปิดศูนย์ฯ ได้มีการมอบ
เครื่องอัดรีดแบบสกรูคู่ (Twin Screw Extruder) ซึ่งใช้สำหรับแปรรูปอาหาร ให้แก่สถาบันอาหาร เพื่อใช้ในการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ และเป็นส่วนหนึ่งที่สามารถช่วยพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารของไทยได้
“ความร่วมมือระหว่างจังหวัดมิเอะกับประเทศไทย จะช่วยยกระดับและพัฒนาบุคลากรในภาคอุตสาหกรรม และจะเป็นจุดสำคัญในการเชื่อมโยงระหว่างภาคอุตสาหกรรมของทั้ง 2 ประเทศ ที่จะช่วยให้เกิดความร่วมมือที่ขยายวงไปในด้านการค้า การลงทุน รวมถึงการท่องเที่ยวระหว่างกันได้ต่อไปในอนาคต”
นางอนงค์ ไพจิตรประภาภรณ์ ผู้อำนวยการสถาบันอาหาร หน่วยงานเครือข่ายกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า ในระยะ 1 ปีที่ผ่านมา ศูนย์นวัตกรรมจังหวัดมิเอะ-ประเทศไทย หนึ่งในเครือข่ายของศูนย์ปฏิรูปอุตสาหกรรม (ITC) ได้ให้การสนับสนุนแก่ผู้ประกอบการในการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูปอาหารจากวัตถุดิบของไทยเพื่อเพิ่มมูลค่าเชิงพาณิชย์ในหลากหลายรูปแบบ ให้บริการทดลองผลิตสินค้าต้นแบบ ตลอดจนถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมอาหารแปรรูปมาอย่างต่อเนื่อง โดยสถาบันอาหารได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เพื่อให้บริการแก่ผู้ประกอบการพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูป จำนวน 120 ราย สร้างมูลค่าเพิ่มเฉลี่ยให้แก่วัตถุดิบทางการเกษตรได้ไม่น้อยกว่า 15% ได้จัดให้มีกิจกรรมจับคู่ธุรกิจ (Business Matching) โดยนำคณะผู้ประกอบการไปร่วมกิจกรรมที่จังหวัดมิเอะ และสร้างเครือข่ายกับผู้ซื้อของประเทศญี่ปุ่น
“นอกจากนี้สถาบันอาหารยังได้ทดลอง วิจัย และพัฒนาผลิตภัณฑ์ร่วมกับนักวิจัยของ บริษัท ซูเอฮิโระ อีพีเอ็ม (SUEHIRO EPM) ประเทศญี่ปุ่น โดยใช้เครื่องจักรแปรรูปอาหารภายในศูนย์ฯ นำข้าวหอมมะลิมาพัฒนาเป็นขนมขบเคี้ยวข้าวหอมมะลิอบกรอบรสชาติต่างๆ เช่น รสต้มยำกุ้ง รสมะม่วง รสธัญพืช และนำไปจัดแสดง พร้อมทดสอบชิมในงาน THAIFEX 2019 ซึ่งได้รับผลตอบรับดีจากผู้ที่มาเยี่ยมชม”
งาน “ผ่าความลับอาหารมิเอะ เสน่ห์เติมเต็มประสบการณ์ผู้บริโภคไทย” ครั้งนี้เกิดขึ้นเพื่อฉลองความร่วมมือครบรอบ 1 ปี ในการดำเนินงานของศูนย์ฯ ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม และร้านอาหาร เข้าร่วมงานเป็นจำนวน 150 คน จาก 94 หน่วยงาน
อนึ่ง ในปี 2562 ทีผ่านมา ไทยมีการส่งออกสินค้ากลุ่มอาหารแปรรูปที่มีมูลค่าเพิ่มในสัดส่วนที่เพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับการส่งออกสินค้าเกษตรวัตถุดิบที่มีสัดส่วนลดลง พบว่า ไทยส่งออกสินค้าในกลุ่มอาหารแปรรูปมูลค่า 517,877 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.2% จากปีก่อน คิดเป็นสัดส่วน 50.5% เพิ่มขึ้นจากสัดส่วน 46.2 %ขณะที่การส่งออกอาหารในกลุ่มสินค้าเกษตรวัตถุดิบมีมูลค่า 507,623 ล้านบาท ลดลง 11.5 %คิดเป็นสัดส่วน 49.5 %ลดลงจากสัดส่วน 53.8% เฉพาะกลุ่มสินค้าอาหารพร้อมรับประทาน ในปี 2562 การส่งออกมีอัตราเติบโตเพิ่มขึ้น 4.6 % คาดว่าในปี 2563 มีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้นอีก 5.5 % และจะมีมูลค่าการส่งออกราว 7,086 ล้านบาท