นายวันชัย พนมชัย เลขาธิการ สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) เปิดเผยว่า สมอ. ได้เข้าตรวจโรงงานผลิตเหล็กรายใหญ่ย่านบ่อวิน จังหวัดชลบุรี ซึ่งเดิมเจ้าของกิจการเป็นคนไทยที่ได้รับใบอนุญาตจาก สมอ. ต่อมาได้เปลี่ยนเจ้าของกิจการเป็นคนจีน โดยไม่แจ้งให้ สมอ. ทราบ พบมีการผลิตเหล็กไม่เป็นไปตามมาตรฐาน และผลิตเหล็กเบา จำนวนกว่า 10,000 ตัน มูลค่ากว่า 300 ล้านบาท ซึ่งหากเหล็กดังกล่าวหลุดจากโรงงานถึงมือผู้บริโภค และถูกนำไปใช้ในการก่อสร้างจะส่งผลเสียหายต่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนอย่างมหาศาล
“เหล็กเบาหมายถึงเหล็กที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางหรือขนาดหน้าตัด และน้ำหนักไม่ได้ตามที่มาตรฐานผลิตภัณฑ์ (มอก.) กำหนดไว้ ส่งผลให้มีค่าการรับแรงอัดกระแทกได้น้อยลง ซึ่งหากนำไปใช้ในงานโครงสร้างอาคารอาจก่อให้เกิดอันตรายแตกหักเสียหายหรือพังทลายลงมาภายหลังได้”
ทั้งนี้ การตรวจจับครั้งดังกล่าว นับเป็นการทลายแหล่งต้นตอการผลิตเหล็กที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐานรายใหญ่ของประเทศ ซึ่งที่ผ่านมา สมอ. ได้เฝ้าจับตาการผลิตและนำเข้าสินค้าดังกล่าวอย่างใกล้ชิดผ่านระบบ National Single Window (NSW) หากพบมีการผลิตและนำเข้าในปริมาณมากผิดปกติ จะเข้าทำการตรวจสอบอย่างเข้มงวดทันที สำหรับบทลงโทษของผู้ประกอบการรายนี้ต้องระวางโทษในกรณีทำสินค้าโดยไม่ได้รับใบอนุญาต จำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 2 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ทำของไม่เป็นไปตามมาตรฐาน จำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 2 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และแสดงเครื่องหมายมาตรฐานบนสินค้าโดยไม่ได้รับใบอนุญาต จำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 1 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
สำหรับการลงพื้นที่ตรวจติดตามผู้ทำ ผู้นำเข้า และผู้จำหน่ายสินค้าในท้องตลาด เป็นภารกิจที่สำคัญของ สมอ. และถือเป็นมาตรการหนึ่งของกระทรวงอุตสาหกรรมในการปกป้องคุ้มครองผู้บริโภคให้ได้รับความปลอดภัยจากการใช้สินค้า ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ที่ได้เน้นย้ำ สมอ. ให้ตรวจติดตามอย่างเข้มงวด เพื่อให้ประชาชนได้ใช้สินค้าอย่างปลอดภัย
“สมอ. ให้ความสำคัญกับการตรวจควบคุมการจำหน่ายสินค้าในท้องตลาดอย่างเข้มงวด และได้เฝ้าระวังสินค้าที่เสี่ยงต่อความปลอดภัยของประชาชนอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะสินค้าที่ สมอ. ควบคุมจำนวน 115 รายการ เพื่อคุ้มครองผู้บริโภคให้ปลอดภัย”