นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) PTT เปิดเผยว่าตามที่ เมื่อปี 2557 คณะอนุญาโตตุลาการได้มีคำชี้ขาดให้ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)(“ปตท.”)หรือ PTT จ่ายค่าเสียหายจากการเปลี่ยนงาน เพิ่มงาน และอื่นๆ แก่บริษัท นาแคป เอเชีย แปซิฟิก (ไทยแลนด์)จำกัด (“นาแคป”) ในข้อพิพาทตามสัญญาโครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติไทรน้อย –โรงไฟฟ้าพระนครเหนือ/ใต้ จำนวนประมาณ 1,144 ล้านบาท และ 74 ล้านเหรียญสหรัฐฯ พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5ต่อปี นับแต่วันที่ใบแจ้งหนี้แต่ละฉบับถึงกำหนดชำระจนกว่าจะชำระเสร็จ
ซึ่ง ปตท. ได้ยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการและนาแคปได้ยื่นคำร้องขอให้บังคับตามคำชี้ขาดต่อศาลแพ่งและเมื่อปี 2560 ศาลแพ่งมีคำพิพากษาให้บังคับตามคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการให้ ปตท. จ่ายเงินแก่นาแคป โดยลดจำนวนเงินลงบางส่วน คงเหลือเงินที่ให้ปตท. จ่ายเป็นจำนวนประมาณ 1,144 ล้านบาท และ48ล้านเหรียญสหรัฐฯ พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ใบแจ้งหนี้แต่ละฉบับถึงกำหนดชำระจนกว่าจะชำระเสร็จ ต่อมา ปตท. จึงได้ใช้สิทธิยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลแพ่งต่อศาลฎีกา
เมื่อวันที่18 ธันวาคม 2562 ศาลฎีกามีคำพิพากษาว่าไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของ ปตท. ดังนั้นปตท. จึงต้องจ่ายเงินตามคำพิพากษาของศาลแพ่งดังกล่าวข้างต้น คิดเป็นเงินรวมทั้งสิ้นประมาณ 4,654 ล้านบาท และคดีถึงที่สุด ซึ่ง ปตท. จักได้ปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลฎีกาต่อไป
อย่างไรก็ดี นาแคปได้ถูกศาลล้มละลายกลางพิพากษาให้ล้มละลาย ซึ่ง ปตท. ในฐานะเจ้าหนี้รายหนึ่งได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ไว้แล้วตามกฎหมายสำหรับโครงการดังกล่าวจำนวนประมาณ 905 ล้านบาทปัจจุบันคดีล้มละลายดังกล่าวยังอยู่ระหว่างการพิจารณา