ครม.ไฟเขียว แก้ปัญหาอ้อยไฟไหม้ ภายใน3ปี รับเข้าหีบได้0-5% ต่อวัน 

11 มิ.ย. 2562 | 08:55 น.

Thansettakij เว็บไซต์ข่าวฐานเศรษฐกิจ ผนวกไลฟ์สไตล์ Start up SMEs อสังหาริมทรัพย์ การเงิน การลงทุน การตลาด เศรษฐกิจ เทคโนโลยี Breaking News อัพเดตข่าวล่าสุดที่นี่

ครม.เคาะแก้ปัญหาอ้อยไฟไฟไหม้ ภายใน 3 ปี ต้องลดเหลือ0-5%ต่อวันเท่านั้น พร้อมขยายสินเชื่อเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตอ้อยอย่างครบวงจร  3 ปี รวมวงเงิน 6,000 ล้านบาท

นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ โฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรีว่า(11 มิ.ย.62) ว่า ครม.มีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงอุตสาหกรรม (อก.) เสนอก่อน ในการแก้ปัญหาอ้อยไฟไหม้ รวม3 มาตรการดังนี้    1.มาตรการทางกฎหมาย  โดยจะมีการออกระเบียบให้ทันในฤดูการผลิตปี 2562/2563 กำหนดให้โรงงานน้ำตาลจะรับอ้อยไฟไหม้เข้าหีบได้ไม่เกินร้อยละ 30 ต่อวัน  สำหรับในฤดูการผลิต ปี 2563 /2564 โรงงานน้ำตาลจะรับอ้อยไฟไหม้เข้าหีบได้ไม่เกินร้อยละ 20 ต่อวัน  และในฤดูการผลิตปี 2564/2565 จะลดปริมาณอ้อยไฟไหม้เข้าหีบเพียงร้อยละ 0-5 ต่อวัน  ซึ่งจะทำให้อ้อยไฟไหม้หมดไปภายในภายใน 3 ปี

ครม.ไฟเขียว แก้ปัญหาอ้อยไฟไหม้ ภายใน3ปี รับเข้าหีบได้0-5% ต่อวัน 

    2.มาตรการสนับสนุนจากภาครัฐในการสนับสนุนเครื่องจักรกลการเกษตร  ซึ่งจะขยายโครงการส่งเสริมสินเชื่อเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตอ้อยอย่างครบวงจรปี 2562 - 2564 รวมทั้งจะนำเสนอมาตรการสนับสนุนผู้ประกอบการผลิตรถตัดอ้อยไทยด้วยการเพิ่มศักยภาพการผลิตและจำหน่ายให้เพียงพอกับความต้องการและส่งเสริมการแปลงสินทรัพย์เป็นทุน   โดยการใช้รถตัดอ้อย และเครื่องจักรกลการเกษตรอื่น ๆ นำไปจดทะเบียนเครื่องจักรตามกฎหมายกับกรมโรงงานอุตสาหกรรม  เพื่อนำไปเป็นสินทรัพย์ค้ำประกันกับแหล่งเงินกู้ได้อีกด้วย

   3. มาตรการขอความร่วมมือด้านการบริหารจัดการเพื่อเป็นต้นแบบการเก็บเกี่ยวและการขนส่งอ้อยให้โรงงาน  โดยความร่วมมือจากโรงงานน้ำตาลและชาวไร่อ้อยในฤดูการผลิต ปี 2562/2563 เพื่อกำหนดพื้นที่ปลอดการเผาอ้อย  เป็นจังหวัดต้นแบบปลอดการเผาอ้อย  ตัดอ้อยสด  ร้อยละ 100 ในแต่ละภาค รวม 5 จังหวัดได้แก่  จังหวัดกาญจนบุรี  จังหวัดราชบุรี  จังหวัดชัยภูมิ  จังหวัดเลย  และจังหวัดอุตรดิตถ์  การจัดการพื้นที่ลดการเผาอ้อยรอบชุมชนในรัศมี 5 กิโลเมตร   และรอบโรงงานน้ำตาลในรัศมี 10 กิโลเมตร  และการบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการกำหนดคิวรับอ้อยสดและอ้อยไฟไหม้

    นอกจากนี้ ครม.ยังเห็นชอบขยายโครงการส่งเสริมสินเชื่อเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตอ้อยอย่างครบวงจร  ปี 2562 - 2564  โดยโครงการส่งเสริมสินเชื่อฯ ให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณที่สนับสนุนสินเชื่อแก่เกษตรกร  กลุ่มเกษตรกร  สหกรณ์การเกษตร สถาบันชาวไร่อ้อย  กลุ่มบุคคลและวิสาหกิจชุมชน  วงเงินกู้ปีละ 2,000 ล้านบาท ระยะเวลา 3 ปี รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 6,000 ล้านบาท (งบประมาณปี พ.ศ. 2562-2564) จากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) โดยใช้จากวงเงิน 10,000 ล้านบาท  ของเงินกู้ยืมสินเชื่อเพื่อส่งเสริมการปลูกอ้อย (เงินเกี๊ยว) ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2549 และเห็นควรให้ ธ.ก.ส. เสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี  ตามผลการดำเนินการจริงตามขั้นตอนต่อไป   ภายในกรอบวงเงินงบประมาณชดเชยดอกเบี้ยประมาณ 599.43 ล้านบาท  โดยให้โรงงานน้ำตาลเป็นผู้ค้ำประกันและให้รัฐบาลช่วยรับภาระชดเชยดอกเบี้ยส่วนเกิน  ดังนี้

  1. กำหนดระยะเวลาการชำระคืนเงินกู้เสร็จสิ้นตามโครงการเช่นเดียวกับโครงการเดิมโดยแยกตามวัตถุประสงค์การกู้เงิน  หากเป็นเงินกู้เพื่อพัฒนาแหล่งน้ำและการบริหารจัดการน้ำในไร่อ้อยและปรับพื้นที่ปลูกอ้อย กำหนดชำระคืนเงินกู้เสร็จสิ้นไม่เกิน 4 ปี  และหากเป็นเงินกู้เพื่อซื้อเครื่องจักรกลการเกษตรกำหนดชำระคืนเงินกู้เสร็จสิ้นไม่เกิน 6 ปี

  2.สำหรับอัตราดอกเบี้ย   เห็นควรยึดตามหลักการของโครงการเดิมที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติไว้  เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2559 เนื่องจากการดำเนินโครงการตามนโยบายรัฐบาลในการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรที่ผ่านมาในลักษณะที่คล้ายคลึงกันได้ชดเชยดอกเบี้ยในอัตราไม่เกินร้อยละ 3 ต่อปี  ประกอบกับเป็นอัตราดอกเบี้ยที่ผ่านการพิจารณาของ ธ.ก.ส. แล้ว ประกอบด้วย

    สำหรับเกษตรกรรายบุคคล  คิดดอกเบี้ยในอัตรา MRR  (ปัจจุบัน MRR เท่ากับร้อยละ 7 ต่อปี) โดยเรียกเก็บจากผู้กู้ในอัตรา MRR  - 5  (หรือปัจจุบันเท่ากับร้อยละ 2 ต่อปี) รัฐบาลชดเชยดอกเบี้ยให้ ธ.ก.ส. แทนผู้กู้ในอัตราร้อยละ 3 ต่อปี  และ  ธ.ก.ส. รับภาระในอัตราร้อยละ 2 ต่อปี

    ส่วนกลุ่มเกษตรกร  สหกรณ์การเกษตร  สถาบันชาวไร่อ้อย  กลุ่มบุคคลและวิสาหกิจชุมชน คิดดอกเบี้ยในอัตรา MLR (ปัจจุบัน MLR เท่ากับร้อยละ 5 ต่อปี) โดยเรียกเก็บจากผู้กู้ในอัตรา MLR - 3 (หรือปัจจุบันเท่ากับร้อยละ 2 ต่อปี) รัฐบาลชดเชยดอกเบี้ยให้ ธ.ก.ส. แทนผู้กู้ในอัตราร้อยละ 2 ต่อปี และ ธ.ก.ส. รับภาระในอัตราร้อยละ 1 ต่อปี

   กรณีการกู้เงินเพื่อจัดซื้อเครื่องจักรกลการเกษตร  ประเภทรถแทรกเตอร์หรือรถบรรทุกคิดดอกเบี้ยในอัตรา MLR - 1 (หรือปัจจุบันเท่ากับร้อยละ 4 ต่อปี) จากประเภทผู้กู้  (เกษตรกรรายบุคคล    กลุ่มเกษตรกร  สหกรณ์การเกษตร  สถาบันชาวไร่อ้อย  กลุ่มบุคคล และวิสาหกิจชุมชน) รัฐบาลไม่ต้องชดเชยดอกเบี้ยในส่วนนี้  และ ธ.ก.ส. รับภาระในอัตราร้อยละ 1 ต่อปี

  โดยให้กระทรวงอุตสาหกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้ถูกต้องตามขั้นตอนของกฎหมาย  มติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องและพันธกรณีระหว่างประเทศ   รวมทั้งให้รับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์   กระทรวงมหาดไทย   สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ  และสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป

ครม.ไฟเขียว แก้ปัญหาอ้อยไฟไหม้ ภายใน3ปี รับเข้าหีบได้0-5% ต่อวัน