คมนาคมจัดนิทรรศการ "ONE Transport for ALL 2019 : Mobility Connect Technology" โชว์ศักยภาพความพร้อม 21 โครงการ ทิ้งทวนโค้งสุดท้ายก่อนเลือกตั้ง หวังต่อยอดรัฐบาลใหม่เร่งผลักดัน รวมวงเงินลงทุนกว่า 1.29 ล้านล้านบาท เผย ลงนามสัญญาไฮสปีดไทย-จีน สัญญา 2-1 ช่วงสีคิ้ว-กุดจิก 6 มี.ค. นี้ จ่อเสนอ ครม. ไฟเขียวทางคู่บ้านไผ่-นครพนม ภายใน 2 สัปดาห์นี้
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยในโอกาสเป็นประธานพิธีเปิดงานนิทรรศการและการเสวนาสร้างการรับรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งของไทย ระยะ 20 ปี และส่งเสริมการพัฒนาความรู้ด้านการคมนาคมขนส่ง ประจำปี 2562 ครั้งที่ 1 ภายใต้ชื่อ "ONE Transport for ALL 2019 : Mobility Connect Technology" พร้อมกล่าวปาฐกถาพิเศษหัวข้อ "คมนาคมทุกโหมด ตอบโจทย์ประเทศไทย" ว่า 4 ปีที่ผ่านมา กระทรวงคมนาคมได้ดำเนินการลงทุนและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ทำให้การจัดอันดับของไทยดีขึ้นเกือบทุกเรื่อง เพราะว่ารัฐบาลมุ่งมั่นที่จะพัฒนา ไม่ว่าจะเป็น อันดับในเรื่องของการท่องเที่ยว การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ระบบโลจิสติกส์ เป็นต้น โดยรัฐบาลนี้พยายามล้างสต๊อกของเก่า ตามนโยบายมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน
โดยมีโครงการขนาดใหญ่ที่กระทรวงคมนาคมเร่งรัดให้สามารถดำเนินการได้ภายในเดือน มี.ค. 2562 รวม 21 โครงการ รวมวงเงินลงทุนกว่า 1.29 ล้านล้านบาท ได้แก่ รถไฟทางคู่ ช่วงขอนแก่น-หนองคาย, ช่วงชุมทางถนนจิระ-อุบลราชธานี, ช่วงปากน้ำโพ-เด่นชัย, ช่วงเด่นชัย-เชียงใหม่, ช่วงชุมพร-สุราษฎร์ธานี, ช่วงสุราษฎร์ธานี-สงขลา, ช่วงหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ และช่วงบ้านไผ่-นครพนม
รถไฟความเร็วสูงกรุงเทพฯ-นครราชสีมา รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) รถไฟความเร็วสูงกรุงเทพฯ-หัวหิน รถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย-บางขุนนนท์ รถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดงเข้ม ช่วงรังสิต-มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ศูนย์รังสิต สายสีแดงอ่อน ช่วงตลิ่งชัน-ศาลายา และตลิ่งชัน-ศิริราช
โครงการทางถนน ได้แก่ ทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายพระราม 3-ดาวคะนอง-วงแหวนรอบนอกด้านตะวันตก, ทางน้ำ ได้แก่ ขยายท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 ปรับปรุงท่าเรือกรุงเทพ (คลองเตย) และปรับปรุงท่าเรือระนอง, ทางอากาศ ได้แก่ การจัดหาฝูงบินใหม่ 38 ลำ โครงการศูนย์ซ่อมอากาศยานและชิ้นส่วนอากาศยาน (MRO) โครงการก่อสร้างอาคารแซทเทิลไลท์ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และขยายท่าอากาศยานเชียงใหม่
โดยแบ่งการพัฒนาออกเป็น 4 ระยะ คือ ระยะที่ 1 (พ.ศ. 2561-2565) วงเงินลงทุนรวมกว่า 1.7 ล้านล้านบาท ระยะที่ 2 จะเป็นโครงการที่ดำเนินการในปี 2566-2570 วงเงินลงทุนรวมกว่า 6.3 แสนล้านบาท ระยะที่ 3 ดำเนินการในปี 2571-2575 วงเงินลงทุนรวมกว่า 4.1 แสนล้านบาท และระยะที่ 4 ดำเนินการในปี 2576-2580 วงเงินลงทุนรวมกว่า 3.18 แสนล้านบาท
"เบื้องต้นนั้น จะมีการลงนามสัญญาโครงการรถไฟไทย-จีน สัญญา 2-1 งานโยธาช่วงสีคิ้ว-กุดจิก ระยะทาง 11 กม. วงเงินประมาณ 3,100 ล้านบาท ในวันที่ 6 มี.ค. นี้ ส่วนรถไฟทางคู่เส้นทางบ้านไผ่-นครพนม วงเงิน 6.7 หมื่นล้านบาทนั้น คาดว่าจะนำเสนอคณะรัฐมนตรีได้ภายใน 2 สัปดาห์นี้"
ด้าน นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ได้นำเสนอมุมมองในฐานะภาครัฐที่ช่วยผลักดันการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และโฉมหน้าการคมนาคมของประเทศในอนาคต ภายหลังการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน โดยมีวิทยากรจากสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และสมาคมผู้ค้าปลีกไทย ได้ร่วมแลกเปลี่ยนมุมมอง ประโยชน์ที่จะได้รับจากการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอย่างเป็นรูปธรรม รวมถึงข้อเสนอแนะ หรือ ความต้องการของภาคการท่องเที่ยวและเอกชน เพื่อให้การพัฒนาโครงการในอนาคตตอบสนองความต้องการของทุกภาคส่วนมากที่สุด
"เมื่อให้บริการรถไฟฟ้าครบทั้งเส้นทางมากขึ้น ก็จะเริ่มไปจัดระบบรถยนต์บนถนนเป็นลำดับต่อไป ขณะนี้ ยังไม่ดำเนินการ เพราะยังไม่มีทางเลือกในการเดินทางให้ประชาชนอย่างเพียงพอ ยังเชื่อว่า สมาร์ทคอมมูนิตี้จะตอบสนองความต้องการของคนรุ่นใหม่มากขึ้น และหันมาใช้ระบบขนส่งมวลชนกันมากขึ้น และปัจจุบัน กรุงเทพฯ-ปริมณฑล มีประชากรราว 11 ล้านคน เมื่ออระบบรางให้บริการครบทุกเส้นทางจะเพิ่มเป็น 20 ล้านคน พร้อมกับเชื่อมต่อระบบการเดินทางที่ครบถ้วนสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น"
สำหรับภายในงานได้จัดแสดงนิทรรศการผลงานกระทรวงคมนาคมผ่านสื่อ Multimedia ที่ทันสมัย ภายใต้แนวคิด Seamless Mobility เชื่อมโยงระบบคมนาคมทุกโหมดอย่างไร้รอยต่อ และแผนการดำเนินงานของกระทรวงคมนาคม ทั้งทางบก ทางน้ำ ทางอากาศ และทางราง รวมทั้งกิจกรรมเวทีกลาง ช่วงตอบคำถามรับรางวัล ที่สอดแทรกการสร้างความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับแผนยุทธศาสตร์ของรัฐบาลและกระทรวงฯ โครงการสำคัญต่าง ๆ ที่อยู่ในความสนใจของประชาชน และส่งเสริมความรู้ด้านการคมนาคมขนส่งและความปลอดภัย ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคมยังมีแผนจัดนิทรรศการหมุนเวียนไปยังภูมิภาคต่าง ๆ รวม 3 ครั้ง ได้แก่ ภาคเหนือ ณ จ.เชียงใหม่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ณ จ.นครราชสีมา และภาคใต้ ณ จ.กระบี่