U-Farm ผุดไอเดีย ปลูกผักตามสั่ง ต่อยอดสมาร์ทฟาร์ม

14 ม.ค. 2564 | 08:55 น.

สถานการณ์ของโควิด-19 ตั้งแต่ปีที่ผ่านมาทำให้ทุกอย่างหยุดชะงักหรือชะลอตัวลง คนไทยเกิดวิกฤติการขาดแคลนอาหาร ผู้บริโภคไม่สามารถออกไปซูเปอร์มาร์เก็ตหรือร้านค้าได้ รวมถึงมีกลุ่มคนที่ขาดรายได้ ทำให้ต้องมองถึงเรื่องการสร้างอาหารให้ตัวเองและแบ่งปันให้คนอื่น บัวระวงษ์ และ เล็กซ์ เดอ กรูท ผู้ก่อตั้ง U-Farm เปิดเผย ผ่านบทสัมภาษณ์ของ “ฐานเศรษฐกิจ”

 

บัวระวงษ์ เดอ กรูท ผู้ก่อตั้ง U-Farm เปิดเผยว่า U-Farm เกิดขึ้นหลังจากสถานการณ์โควิด -19 รอบแรก โดยเริ่มจากการทำสวนเล็กๆ เพื่อปลูกผักสำหรับบริโภคเองภายในครอบครัว

 

ก่อนหน้านี้ U-Farm รู้จักกันในชื่อ “ฟาร์มฝรั่ง” ตั้งอยู่ที่จังหวัดเพชรบุรี โดยทำการเกษตรมาประมาณ 3 ปี และเพิ่งจะเกิดไอเดีย U-Farm เมื่อประมาณ 2 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งได้มีการศึกษาพัฒนาปุ๋ย สารกำจัดศัตรูพืช และแมลงศัตรูพืชต่างๆ ซึ่งไอเดียดังกล่าวจะช่วยรองรับสถานการณ์ของโควิด-19 ระลอก 2 ที่ลูกค้าสามารถสั่งผักจาก U-Farm ได้เมื่อผักไม่เพียงพอ

 

 

U-Farm ผุดไอเดีย ปลูกผักตามสั่ง ต่อยอดสมาร์ทฟาร์ม

 

นอกจากนี้ลูกค้าสามารถมีพื้นที่เพาะปลูกเล็กๆ ใน U-Farm ได้ด้วยแพ็กเกจราคา 3,900 บาท ที่ทาง U-Farm ดูแลให้ตั้งแต่เพาะเมล็ดไปจนถึงวันเก็บเกี่ยวและส่งผักให้กับลูกค้าตามต้องการ โดยที่ลูกค้าสามารถดูแลตรวจสอบแปลงผักของตนเองได้ผ่านกล้อง CCTV สามารถคุยกับคนงานที่ฟาร์มได้ผ่าน CCTV รวมถึงมีรายงานการเพาะปลูกประจำสัปดาห์และส่งตารางการดูแลของเดือนถัดไปเพื่อแจ้งให้ลูกค้าทราบ

 

“หลังจากที่ได้ไปศึกษาการทำฟาร์มออร์แกนิก และทำให้รู้ว่าผักออร์แกนิก ที่ซื้อในท้องตลาดบางครั้งไม่ออร์แกนิกจริง เดิมทีเราแค่อยากจะแชร์พื้นที่เพื่อให้คนได้ปลูกผักออร์แกนิกสำหรับกินเองแต่หลังจากที่เริ่มเปิดมาก็ได้รับกระแสตอบรับที่ดีมาก มีทั้งลูกค้าที่มาเช่าแปลง และคนที่มีที่ดินที่อยากทำและให้เราไปช่วยบริหารจัดการ รวมถึงคนที่ไม่มีความรู้เรื่องการเกษตรก็ได้เข้ามาเรียนกับเรา

 

ปัจจุบัน U-Farm มีลูกค้าที่มาใช้บริการประมาณ 30 แปลง รวมถึงมีลูกค้ารายใหญ่ที่เช่าแบบรายปี ซึ่งสามารถรองรับได้ประมาณ 300 แปลง และจะมีการขยายเพิ่มเติม โดยลูกค้ากลุ่มเป้าหมายของ U-Farm คือ 1. คนที่อยากมีแปลงผักสำหรับปลูกกินเอง 2. คนที่อยากมีแปลงผักเพื่อความบันเทิง สำหรับทำกิจกรรมกับครอบครัว ซึ่งที่ U-Farm ก็ได้ทำเป็นโฮมสเตย์ หรือเป็นสนามเด็กเล่นกลางแจ้ง และร้านอาหาร ซึ่งธูรกิจทั้งหมดจะซัพพอร์ทซึ่งกันและกัน
 

 

 

 

สำหรับแผนการดำเนินงานในปีนี้ คือตั้งใจที่จะทำสมาร์ทฟาร์มควบคู่ไปกับ U-Farm ที่เดิมยังเป็นระบบแมนวลใช้คนดูแลอยู่ แต่สมาร์ทฟาร์มจะนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยดูแลบริหารจัดการฟาร์ม เพื่อเพิ่มทางเลือกให้ตรงตามความต้องการของลูกค้า เนื่องจากสมาร์ทฟาร์มนั้นมีการใช้ต้นทุนที่สูงกว่า คนที่มีต้นทุนจำกัดก็ยังสามารถใช้บริการของ U-Farm ได้

 

แต่คนที่มองเรื่องการต่อยอดธุรกิจก็สามารถซื้อระบบไปใช้ที่บ้านได้ นอกจากนี้จะมีการพัฒนาแพลตฟอร์มเพื่อเป็นตัวกลางสำหรับผู้ที่ต้องการปลูกผักขายและผู้ที่ต้องการ หาซื้อผักรับประทานให้มาเจอกัน ซึ่งเป็นโมเดลที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในปีนี้ รวมถึงโมเดลแฟรนไชส์ภายใต้แบรนด์ U-Farm ที่สามารถสั่งซื้อดิน ปุ๋ย หรือสารกำจัดแมลงที่ U-Farm พัฒนาใช้เองจากสารธรรมชาติเพื่อใช้ในการทำฟาร์มของตัวเองได้

 

 

 

ด้านเล็กซ์ เดอ กรูท ผู้ร่วมก่อตั้ง U-Farm กล่าวเสริมว่า สำหรับระบบสมาร์ทฟาร์มนั้น จะมีการเชื่อมต่อแบบอัตโนมัติ ผ่านสมาร์ทโฟนเพื่อใช้ในการ ตรวจสอบการเพาะปลูก มีเซ็นเซอร์ในการตรวจวัดความชื้น ตรวจวัดดิน การให้นํ้า

 

เนื่องจากปัจจุบันระบบที่มีในตลาดมีราคาที่ค่อนข้างสูง U-Farm จะพัฒนาระบบสมาร์ทฟาร์มโดยมีกลุ่มเป้าหมายที่เป็นเกษตรกร หรือคนเมืองที่อยากมีสวนเล็กๆ บนพื้นที่จำกัดด้วยการปลูกผักแนวตั้ง (Vertical Farm) ซึ่งจุดเด่นของ U-Farm คือเทคโนโลยีการสังเคราะห์แสง ระบบอัตโนมัติที่ช่วยให้ไม่ต้องใช้เวลาในการดูแลมาก และราคาของระบบที่สามารถเข้าถึงได้ซึ่งคาดว่าจะตํ่ากว่าในท้องตลาด โดยขณะนี้ระบบสมาร์ทฟาร์มนั้นยังอยู่ในขั้นตอนของการพัฒนาคาดว่าจะเปิดตัวได้ในช่วงกลางปี 2564 

 

ที่มา: หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3,644 หน้า16 วันที่ 14 - 16 มกราคม 2564