‘แสนสิริ’เปิดกลยุทธ์ก้าวสู่เบอร์1 เจ้าตลาดอสังหาฯขวัญใจต่างชาติ

11 ก.ย. 2559 | 11:00 น.
หลังบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ประกาศดำเนินธุรกิจตามแผน "Engineer for Growth" หรือ EFG เพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจและองค์กรในระยะยาว ก็เริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลงได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะในเรื่องของการขยายตลาดต่างประเทศ ซึ่งดูเหมือนว่าขณะนี้แสนสิริจะเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายเดียวที่มีสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และขยายตัวสูงขึ้นทุกปี พิสูจน์ได้จากยอดขายตลาดต่างชาติในปี 2558 ที่สามารถทำได้ 3,500 ล้านบาท สูงกว่าปี 2557 ถึง 135% และคิดเป็นสัดส่วน 10% ของรายได้ในปี 2558 ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้ แสนสิริ เป็นที่จับตามองของตลาดอสังหาฯ ทั้งจากกลุ่มนักลงทุนและผู้ประกอบการในธุรกิจเดียวกัน ในฐานะบริษัทอสังหาฯที่มุ่งขยายตลาดต่างชาติอย่างชัดเจน

กลยุทธ์รุกตลาดต่างประเทศปี 59

นายอุทัย อุทัยแสงสุข รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานพัฒนาธุรกิจและพัฒนาคอนโดมิเนียม บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผย "ฐานเศรษฐกิจ" ถึงกลยุทธ์รุกตลาดต่างประเทศปี 2559 ว่า ในปีนี้บริษัทมีแผนจะเปิดตลาดในจีนแผ่นดินใหญ่เพิ่มเติม อาทิ เซี่ยงไฮ้ ปักกิ่ง เซินเจิ้น ในลักษณะของสาขาหรือโชว์รูม โดยมุ่งเน้นตลาดบนเป็นหลัก หลังจากที่บริษัทได้เริ่มต้นและประสบความสำเร็จในภูมิภาคใกล้เคียงอย่าง ฮ่องกง สิงคโปร์ ไต้หวัน มาแล้ว ซึ่งบริษัทเชื่อมั่นว่า ตลาดระดับบนยังคงมีความต้องการและแข่งขันได้

โดยจะมีการทำการตลาดในระดับ International เพื่อสร้างแบรนด์อย่างยั่งยืน รวมทั้งโปรโมทโครงการระดับบนแก่ลูกค้าต่างชาติและลูกค้าไทยระดับบนอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่เริ่มทำมาแล้วในปีที่ผ่านมา รวมทั้งการทำ Collaboration กับแบรนด์ระดับโลก เพื่อยกระดับแบรนด์แสนสิริให้เข้าสู่ระดับ International มากยิ่งขึ้น

"การจับมือร่วมกับแบรนด์ระดับโลกมีความสำคัญอย่างมาก เพราะถึงแม้แบรนด์แสนสิริจะแข็งแกร่งในกลุ่มผู้บริโภคในประเทศ แต่ต้องยอมรับว่าในระดับต่างประเทศ แสนสิริจะได้เปรียบมากยิ่งขึ้น หากเลือกจับมือกับพันธมิตรระดับโลกที่เหมาะกับแบรนด์แสนสิริในเรื่องต่างๆอันจะส่งผลต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคต่างชาติเช่นกัน"

สำหรับสัดส่วนลูกค้าต่างชาติส่วนใหญ่เป็นชาวเอเชีย 83% (ญี่ปุ่น, ฮ่องกง, สิงคโปร์, มาเลเซีย, จีนและไต้หวัน) ยุโรป (รัสเซีย, อังกฤษ, ฝรั่งเศส, เยอรมัน, ออสเตรเลีย, เนเธอร์แลนด์และอิตาลีเป็นต้น) 11% อเมริกา4 % และอื่นๆ โดยกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติที่ซื้อมีวัตถุประสงค์เพื่อลงทุนระยะยาว

7 โครงการโรดโชว์ต่างชาติ

สำหรับในปี 2559 บริษัทมีแผนเปิดตัว 7 โครงการใหม่ในต่างประเทศ รวมทั้งมีการทำโรดโชว์เพื่อขายโครงการพร้อมอยู่อื่นๆอย่างต่อเนื่อง โดยตลาดหลักของบริษัทในปีนี้ คือ ฮ่องกงและจีน เนื่องจากประเทศดังกล่าวมีความผันผวนของค่าเงินและราคาอสังหาริมทรัพย์ในประเทศสูง ทำให้ลูกค้าเปลี่ยนมาลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยที่ให้ผลตอบแทนจากค่าเช่าสูงกว่า ขณะที่มีราคาอสังหาริมทรัพย์ที่ราคาถูกกว่าฮ่องกงและจีน 2-4 เท่า ทั้งนี้เพื่อลดความเสี่ยงจากการลงทุน

ตั้งเป้ายอดขายต่างชาติ 5 พันล.

ทั้งนี้ในปี 2559 บริษัทได้ตั้งเป้ายอดขายจากกลุ่มลูกค้าต่างชาติที่ 5,000 ล้านบาทหรือคิดเป็น 20% ของยอดขายรวมคอนโดมิเนียมทั้งหมดที่ 2.8 หมื่นล้านบาท ซึ่งในครึ่งแรกปี 2559 บริษัทมียอดขายจากกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติที่ 2,700 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าทั้งปีจะสามารถทำยอดขายได้ตามเป้าที่วางไว้

โดยล่าสุดบริษัทได้นำโครงการคอนโดมิเนียมแบรนด์ เดอะ เบส การ์เด้น – พระราม 9 ไปโรดโชว์ฮ่องกงเมื่อวันที่ 3 – 4 กันยายนที่ผ่านมา โดยมียอดขายรวมกว่า 100 หน่วย คิดเป็นมูลค่าประมาณ 425 ล้านบาทนับว่าเป็นยอดขายที่น่าพอใจและเป็นไปตามเป้าที่วางไว้

การนำโครงการคอนโดมิเนียมแบรนด์เดอะเบส ซึ่งเป็นแบรนด์ระดับกลางไปทำตลาดแทนโครงการเดอะไลน์ ที่เดิมบริษัทใช้เป็นจุดขายตลาดต่างชาติ เพื่อสร้างการรับรู้ถึงจุดเด่นของทำเลที่ตั้งโครงการ โดยค่อยๆทยอยเปิดขาย เนื่องจากชาวต่างชาติยังไม่คุ้นเคยทำเลนี้เท่ากับสุขุมวิท ทั้งนี้ เฉพาะการเปิดขายที่ ฮ่องกง เป็นประเทศแรก ก็สามารถทำยอดขายได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ และคาดว่าจะโครงการจะได้รับการตอบรับที่ดีในวันพรีเซลล์ 10 – 11 กันยายนนี้ ที่สิงคโปร์ จีน และไทย โดยคาดว่าจะสามารถทำยอดขายที่ประเทศสิงคโปร์และจีนที่ประมาณ 50 หน่วย

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,191 วันที่ 11 - 14 กันยายน พ.ศ. 2559