"JAS GREEN VILLAGE - คู้บอน มิกซ์ยูสบริบทใหม่ของ เจเอเอส แอสเซ็ท "

การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ทั่วโลก ขณะประเทศไทย จำเป็นต้องดำเนินมาตรการล็อกดาวน์ ปิดการเดินทางเข้า-ออก ของนักท่องเที่ยวต่างชาติอย่างเข้มงวด ส่งผลกระทบโดยตรงต่อธุรกิจท่องเที่ยวและที่เกี่ยวเนื่อง อย่างธุรกิจค้าปลีก กลุ่มห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ ที่จับกำลังซื้อกลุ่มนักท่องเที่ยวเป็นหลัก อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ส่วนค้าปลีก ที่จับกลุุ่มลูกค้าระดับกลาง อย่างซูเปอร์มาร์เก็ต หรือ คอมมูนิตี้มอลล์ ได้รับผลกระทบอยู่บ้างในระยะแรก จากความระมัดระวังในการใช้จ่ายของผู้บริโภค โดยพบ ภายหลังที่มาตรการภายในประเทศผ่อนคลายลง จากจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่เป็นศูนย์  ผู้บริโภคเริ่มกลับมาใช้ชีวิตปกติ และมีพฤติกรรมการจับจ่ายใช้สอยดีขึ้น ทำให้บางบริษัทในกลุ่มธุรกิจอสังหาฯ - ค้าปลีก ยังคงรักษาผลประกอบการและกำไรอย่างดี

บริษัท เจเอเอส แอสเซ็ท จำกัด (มหาชน) หรือ J ในเครือกลุ่ม Jaymart ซึ่งดำเนินธุรกิจ 3 รูปแบบหลัก  คือ

1. การบริหารจัดการพื้นที่เช่าภายในศูนย์การค้า ในส่วนโทรศัพท์เคลื่อนที่และสินค้าเทคโนโลยี ภายใต้ชื่อ "IT Junction" 
2. การพัฒนาและบริหารพื้นที่ในรูปแบบตลาดชุมชน ภายใต้ชื่อ "J Market"
3.การพัฒนาและบริหารพื้นที่ในรูปแบบศูนย์การค้าชุมชน ภายใต้ชื่อ "The Jas" นับรวม 4 สาขา พื้นที่เช่า 60,000 ตารางเมตร 
(วังหิน,รามอินทรา,ศรีนครินทร์,อมตะ)
4.ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย  ( คอนโดมิเนียม 1 โครงการ "นีเวร่า เอกมัย -รามอินทรา" ปัจจุบัน : ยอดขาย 75%)
 

นับเป็นอีกหนึ่งบริษัทที่น่าจับตามอง หลังจากช่วงปี 2562 สามารถพลิกผลประกอบการให้สามารถกลับมาทำกำไรได้ราว 17 ล้านบาทจากการขาดทุนก่อนหน้า ขณะผลดำเนินการในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2563 (ม.ค.-ก.ย.) พบมีกำไรเติบโตขึ้นมา อยู่ที่ประมาณ 47 ล้านบาท ท่ามกลางข้อจำกัดในการดำเนินธุรกิจภายใต้วิกฤติโควิด-19 

ทั้งนี้ นายสุพจน์ สิริกุลภัสสร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจเอเอส แอสเซ็ท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า นอกจากกลยุทธ์การปรับลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานให้ลดลง เพื่อลดผลกระทบจากโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมาแล้ว ยังมาจากรายได้ที่ผู้เช่าส่วนใหญ่ 
เช่น ในกลุ่มคอมมูนิตี้มอลล์  "The Jas" ทั้ง 4 สาขา ยังให้ความเชื่อมั่นที่ดี สำหรับการเช่าบริการพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ขณะพฤติกรรมผู้บริโภคในวิถีใหม่ หรือ New Normal ซึ่งมักหลีกเลี่ยง การเข้าไปใช้บริการในสถานที่แออัด พื้นที่ปิด แต่กลับให้ความนิยมกับคอมมูนิตี้มอลล์ ในพื้นที่ชุมชน ซึ่งมีไลฟ์สไตล์ ร้านค้า-ร้านอาหารชื่อดัง ตอบรับในรูปแบบพื้นที่เปิดโล่ง - ไม่วุ่นวายมากขึ้น ได้สนับสนุนด้านรายได้

ล่าสุด จึงเดินหน้า เปิดตัวโครงการ JAS GREEN VILLAGE คู้บอน มูลค่า 300 ล้านบาท ภายใต้คอนเซ็ปต์ "Green Neighbprhood"  พื้นที่เช่า 22,350 ตารางเมตร ซึ่งเป็นโครงการคอมมูนิตี้มอลล์แห่งที่ 5 ของบริษัท เน้นพื้นที่สีเขียว และต้นไม่ขนาดใหญ่ที่ให้ความร่มรื่นสำหรับการพักผ่อน รวมทั้งเป็นศูนย์รวมกิจกรรมสันทนาการที่ใช้ธรรมชาติเป็นส่วนร่วมสำหรับเด็กๆ มุ่งตอบโจทย์ Lifestyle ชื่นชอบธรรมชาติ และต้องการครบครันในที่เดียวของคนยุคใหม่ จะเป็น Community Mall สำหรับคนทุกๆวัย ที่มาได้ในทุกๆวัน จึงเกิดเป็น Community Mall มีพื้นที่สีเขียวมากกว่า 50% รูปแบบ Open -Air Lifestyle Mall บนถนนคู้บอน ย่านรามอินทรา ขนาดที่ดิน 30 ไร่ แบ่งออกเป็น 3 โซนหลัก ดังนี้ 

• Convenience zone
• Garden zone
• Cozy zone 

ศูนย์อาหาร, ร้านอาหารชื่อดัง, Cloud Kitchen, ร้านค้าแฟชั่น, ศูนย์บริการความงาม, มือถือ, สถาบันการศึกษา, ฟิตเนส, ซูเปอร์มาร์เก็ต, โฮมออฟฟิศ, สวนสาธารณะ, ปั๊มน้ำมัน และอีกมากมายอย่างครบครัน รวมถึงโซน Singer Flagship Store เอาท์เล็ตขนาดใหญ่แห่งแรกในประเทศไทย บนพื้นที่ 2,000 ตร.ม. และ Mr. DIY ขนาดใหญ่กว่า 1,000 ตร.ม. 

"โครงการดังกล่าว ถูกออกแบบขึ้นในช่วงโควิด โดยศึกษาจากรูปแบบพฤติกรรมการจับจ่ายของผู้บริโภคยุคใหม่ ภายใต้จุดประสงค์หลัก คือ การเป็นคอมมูนิตี้ที่แตกต่างจากที่เรารู้จัก ผ่านการให้ความสำคัญกับพื้นที่สีเขียว มากกว่า 50% ซึ่งถือเป็นเรื่องยากมาก สำหรับธุรกิจที่ให้บริการเช่าพื้นที่เป็นหลัก แต่คาดว่าจะกลายเป็นไฮไลท์สำคัญ ดึงดูดคนทุกเพศ ทุกวัย ให้เข้ามาใช้บริการอย่างคึกคัก "

ทั้งนี้ กำหนดเปิดให้บริการในส่วนแรก โซนปั้มน้ำมัน และร้านค้าไดร์ฟทรู ในเดือนธันวาคม ปี 2563 นี้ และจะเปิดบริการอย่างเต็มรูปแบบภายในเดือนกันยายน ปี 2564 ด้วยพื้นที่ก่อสร้างรวม 27,000 ตร.ม. เน้นรองรับกลุ่มเป้าหมายที่มีกำลังซื้อหลัก คือ กลุ่มผู้อยู่อาศัยบริเวณรามอินทรา คู้บอน หทัยราษฎร์ คลองสามวา มีนบุรี นิมิตใหม่ ที่มีมากกว่า 82,000 หลังคาเรือน ซึ่งสามารถมาใช้บริการที่โครงการ ได้อย่างสะดวกสบายรองรับด้วยพื้นที่จอดรถมากกว่า 700 คัน โดยเชื่อว่า หลังจากเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการ คาดว่า JAS GREEN VILLAGE คู้บอน  จะกลายเป็น คอมมูนิตี้ มอลล์สีเขียวแห่งใหม่ที่ครบครันแห่งแรก และแห่งเดียวบนถนนคู้บอน

นายสุพจน์ กล่าวต่อว่า อีกหนึ่งความต้องการที่อยากให้โครงการดังกล่าว เปรียบเป็นโปรเจ็กต์มิกซ์ยูส ที่มีความหลากหลายในการใช้สอย นอกจากจะมีส่วนประกอบของพื้นที่ ที่เป็นพื้นที่เช่าสำหรับค้าปลีก โฮมออฟฟิศ พื้นที่สำหรับบริการและสันทนาการแล้ว ยังเตรียมพัฒนาโซนด้านหลังของโครงการ ซึ่งติดบึงขนาดใหญ่ เป็น Senior Live by JAS Asset  (โครงการที่พักอาศัยสำหรับผู้สูงอายุ) มูลค่าราว 50 ล้านบาท เพื่อให้บริการสำหรับผู้สูงวัย โดยนับเป็นธุรกิจใหม่ของบริษัท เพื่อตอบรับจากเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุของประเทศไทย และโอกาสจากการที่ไทย ได้รับความเชื่อมั่นจากต่างชาติ ในการบริหารจัดการสถานการณ์โรคโควิด-19 ได้ดีเยี่ยม หลังจากตนเองได้ศึกษาความเป็นได้ในธุรกิจดังกล่าวมานาน 5 ปี โดยมีต้นแบบจากประเทศญี่ปุ่น มาเป็นแนวคิดในการพัฒนาหลัก คาดสามารถรองรับผู้ที่มีความต้องการได้ราว 80 ครอบครัว รูปแบบ 5 อาคาร เพื่อให้ความเป็นส่วนตัว  ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการหาพันธมิตรที่ในธุรกิจที่เกี่ยวข้อง เข้ามาเสริมความสมบูรณ์แบบ เช่น พาร์ทเนอร์ที่เป็นคลินิก โรงพยาบาล และบริการสำหรับผู้สูงวัย เป็นต้น คาดจะสามารถเปิดขายได้ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2564 ในลักษณะสิทธิ์สัญญาเช่า 25-30 ปี เจาะเซกเม้นท์ระดับบน ทั้งกลุ่มลูกค้าคนไทย และต่างชาติ 

"ปี 2564 ต้องการหาความท้าทายใหม่ๆให้กับบริษัท โดยเชื่อว่าธุรกิจ ซีเนียร์ ลิฟวิ่ง เติบโตแน่ในประเทศไทย จากจำนวนผู้สูงวัยในประเทศพุ่งสูงขึ้น ขณะดีมานด์จากต่างชาติ กลายเป็นโอกาสหลังสถานการณ์โควิด ซึ่งแม้คาดการณ์ว่า ตลาดดังกล่าว จะมีการแข่งขันอย่างคึกคัก แต่ Senior Live by JAS Asset จะเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจ  "

ด้านทำเล คู้บอน ซึ่งเป็นที่ตั้งของโครงการทั้งหมด นับเป็นทำเลศักยภาพแห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ เนื่องจากรายล้อมไปด้วยชุมชนระดับกลาง-บน ไม่ต่ำกว่า 20 หมู่บ้าน มีร้านอาหาร สถานที่ใกล้เคียงสำคัญ อย่าง วัดจีน ซาฟารีเวิล์ด ถนนขนาดใหญ่ 6 เลน ใกล้จุดขึ้นทางด่วน เดินทางเข้า-ออก ใจกลางเมืองได้อย่างสะดวก คาดการเกิดขึ้นของโครงการ  "JAS GREEN VILLAGE - คู้บอน" จะเป็นประโยชน์ต่อชุมชน และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับพื้นที่ได้อย่างดี