มาตรการแจกเงิน 3,000 บาทยังเป็นเพียงข้อเสนอ

05 ก.ย. 2563 | 03:50 น.

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีแจงมาตรการช่วยค่าใช้จ่ายประชาชนที่มีสิทธิ์จำนวน 15 ล้านคนในวงเงินคนละ 3,000 บาทยังเป็นเพียงข้อเสนอ

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เป็นเด็นเรื่องมาตรการที่รัฐบาลจะช่วยเหลือประชาชนจากผลกระทบของการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 โดยการช่วยค่าใช้จ่ายให้กับประชาชน 15 ล้านคน ในวงเงิน 3,000 บาทต่อคน เพื่อนำไปจับจ่ายใช้สอย เป็นการลดค่าครองชีพ และเป็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ ส่งเสริมการบริโภค และช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยนั้น ต้องเรียนว่ายังเป็นเพียงหลักการเบื้องต้นที่ทางกระทรวงการคลังได้นำเสนอในที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบของการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบศ. เท่านั้น
              ทั้งนี้  มาตรการดังกล่าวยังไม่ได้เป็นข้อสรุปที่จะอนุมัติให้ดำเนินการโครงการแต่อย่างใด โดยข้อสรุปของที่ประชุม ศบศ. คือได้มีมติให้กระทรวงการคลังจัดทำรายละเอียดโครงการเพิ่มเติม เพื่อนำเสนอต่อที่ประชุม ศบศ. ในครั้งต่อไปภายในสองสัปดาห์ ซึ่งจะมีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน

“ที่ประชุม ศบศ. ได้มีมติให้กระทรวงการคลังดำเนินการจัดทำรายละเอียดเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดความชัดเจนมากขึ้นในส่วนของประชาชนที่จะลงทะเบียนได้รับสิทธิ์ รวมถึงร้านค้าที่จะเข้าร่วมโครงการ โดยขอให้ครอบคลุมผู้ประกอบการรายย่อยให้ได้มากที่สุด และเมื่อกระทรวงการคลังได้ข้อสรุป และนำเสนอเพื่อขอมติจาก ศบศ. ในรายละเอียดแล้ว ขั้นตอนต่อไป คือการนำเสนอมาตรการดังกล่าวเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อให้ความเห็นชอบก่อนที่จะดำเนินการต่อไป จึงขอให้ประชาชนได้มั่นใจว่า รัฐบาลจะดำเนินการโครงการช่วยเหลือประชาชนด้วยความรอบคอบ และให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชนอ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

กลางเดือนตุลาคมเปิดเว็บคนละครึ่งแจกเงิน3,000 บาท

สรุปมาตรการ www.คนละครึ่ง.com แจกเงิน 3,000 ใครได้สิทธิ์บ้าง

เปิดเว็บ www.คนละครึ่ง.com แจกเงิน 3,000 บาท ลุยชิมช้อปใช้ รอบใหม่

นายอนุชา กล่าวต่อไปอีกว่า เงินช่วยเหลือดังกล่าวนี้ รัฐบาลตั้งใจที่จะให้ประชาชนสามารถนำไปใช้จ่ายได้ที่ร้านค้าทั่วไป ร้านหาบเร่แผงลอย ร้านโชห่วยต่างๆ รวมถึงการซื้อสินค้าในตลาดสดและตลาดนัด เพื่อให้ผู้ประกอบการ พ่อค้าแม่ค้า สามารถเข้าร่วมโครงการนี้ให้ได้มากที่สุด และเข้าถึงมาตรการช่วยเหลือจากรัฐบาลได้อย่างเต็มที่