โพลประชาชน 95% ม็อบต้องเลิกล่วงละเมิดสถาบัน

16 ส.ค. 2563 | 06:10 น.

“ซูเปอร์โพล”สำรวจประชาชน 2.3 หมื่นคน กว่า 95 % จี้ม็อบปลดแอกต้องเลิกล่วงละเมิดสถาบัน หวั่นบานปลาย ตร.ต้องตัดไฟแต่ต้นลมดำเนินคดีแกนนำ แนะค้นคำว่า “โครงการพระราชดำริ” จะรู้จักยับยั้งชั่งใจ

วัน 16 สิงหาคม 2563 ผศ.ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) นำเสนอผลสำรวจภาคสนาม เรื่อง “ม็อบต้องเลิกล่วงละเมิดสถาบันฯ ตำรวจต้องรักษาความสงบสุขประชาชน”  ศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ โดยดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ และการวิจัยเชิงคุณภาพ ผ่าน “เสียงประชาชนในโลกโซเชียล”  (Social Media Voice) ด้วยระบบ Net Super Poll จำนวน 22,046 ตัวอย่างในโลกโซเชียล และ “เสียงประชาชนในสังคมดั้งเดิม” จำนวน 1,497 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 5 - 15 สิงหาคม ที่ผ่านมา


ผลสำรวจ พบว่า ส่วนใหญ่ หรือ ร้อยละ 95.8 ระบุว่า ม็อบต้องเลิกล่วงละเมิดสถาบันฯ หยุดเอาสถาบันหลักของชาติเป็นเครื่องมือของทุกฝ่ายให้การชุมนุมเป็นเฉพาะเรื่องการเมืองการทำงานของรัฐบาลและนักการเมือง ในขณะที่มีเพียงร้อยละ 4.2 ระบุแล้วแต่ผู้ชุมนุม


อย่างไรก็ตาม ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 58.7 กังวลต่อม็อบจะก่อให้เกิดความรุนแรงบานปลายและสูญเสีย ในขณะที่ร้อยละ 41.3 ไม่กังวล 


นอกจากนี้ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 78.1 ระบุ ตำรวจต้องรักษาความสงบสุขประชาชน จึงต้องตัดไฟแต่ต้นลม ดำเนินคดีต่อแกนนำที่ละเมิดต่อสถาบันหลักของชาติ ในขณะที่ร้อยละ 21.9 ไม่เห็นด้วย

 

ที่น่าเป็นห่วงคือ คนทั้งในโลกโซเชียลและนอกโลกโซเชียล ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 57.5 ของคนนอกโลกโซเชียล และร้อยละ 53.4 ของคนในโลกโซเชียล คิดว่า มีนักการเมืองสนับสนุนอยู่เบื้องหลังม็อบเยาวชน ในขณะที่ ร้อยละ 42.5 ของคนนอกโลกโซเชียลและร้อยละ 46.6 ของคนในโลกโซเชียลคิดว่าไม่มี


 

นายนพดล กล่าวด้วยว่า ผลการสำรวจ “เสียงประชาชนในโลกโซเชียล” (Social Media Voice) ผ่านระบบ Net Super Poll ในการศึกษาแนวโน้มการก่อตัวและการปั่นกระแสคนในโลกโซเชียลจากตัวอย่างการใช้ข้อความการเมืองจำนวน 22,046 ตัวอย่าง พบว่า ข้อความการเมืองที่ว่า “เยาวชนปลดแอก” ถูกปล่อยข้อความออกมาเมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2563 วันปั่นยอดสูงสุดวันที่ 23 กรกฎาคม แต่แนวโน้มลดต่ำลงแล้ว ปัจจุบันยังคงใช้ ทวิตเตอร์ร้อยละ 88.0 และ วิดีโอ ร้อยละ 4.7 เป็นช่องทางการเคลื่อนไหว

 

ที่น่าสนใจ คือ ข้อความการเมืองที่ว่า “ให้มันจบที่รุ่นเรา” เริ่มปล่อยข้อความวันที่ 18 กรกฎาคม และจุดปั่นกระแสสูงสุด คือ วันที่ 18 กรกฎาคม และแนวโน้มลดต่ำลงเช่นกัน ปัจจุบันยังคงใช้ ทวิตเตอร์ ร้อยละ 72.5 แต่ที่น่าพิจารณาคือใช้อินสตาแกรมเป็นช่องทางสำหรับข้อความ ให้มันจบที่รุ่นเรา สูงถึงร้อยละ 20.0


ต่อมาคือ ข้อความการเมือง ที่ใช้ข้อความรุนแรงในการสื่อสารคือ สังหารหมู่ธรรมศาสตร์ โดยพบวันปล่อยข้อความคือวันที่ 6 สิงหาคม 2563 แต่ไม่ได้รับการตอบรับมากนัก แต่วันที่ 12 สิงหาคม พบว่า มีการระดมปั่นยอดกระแส สังหารหมู่ธรรมศาสตร์ สูงสุด ผ่านทาง ทวิตเตอร์ถึงร้อยละ 96.9 และอินสตาแกรม ร้อยละ 2.1


นอกจากนี้ ข้อความการเมือง ที่ว่า คณะประชาชนปลดแอก ถูกค้นพบว่ามีการปล่อยข้อความนี้ออกมาวันที่ 31 กรกฎาคม และปั่นยอดสูงสุดวันที่ 6 สิงหาคม โดยมีความแตกต่างไปจากข้อความการเมืองอื่น ๆ เพราะผ่านทางทวิตเตอร์เพียงร้อยละ 49.6 ผ่านทางสำนักข่าวต่าง ๆ ร้อยละ 24.6 และ วิดีโอ ร้อยละ 18.1
 

 

ผอ.ซูเปอร์โพล กล่าวอีกว่า เยาวชนที่อยู่ในช่วงอายุระหว่าง 15-24 ปีทั่วประเทศ มีอยู่ 8,662,473 คน อ้างอิงจากฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร์ กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย แต่เด็กและเยาวชนที่ออกมาเคลื่อนไหวให้เห็นทั้งในโลกโซเชียล และนอกโลกโซเชียลมีความหลากหลายและสัดส่วนแตกต่างกัน ทั้งในระดับหลักพันและหลักหมื่นคน โดยปะปนกันในหลายวัตถุประสงค์ เช่น ผู้หลักผู้ใหญ่ทางการเมืองไม่เป็นตัวอย่างที่ดี ต้องการให้ยุบสภา ต้องการให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ ไม่พอใจต่อรัฐบาล ความเหลื่อมล้ำ ความไม่เป็นธรรมในกระบวนการยุติธรรม และการก้าวล่วงละเมิดต่อสถาบัน เป็นต้น


ทั้งนี้ ถ้ามีการเปิดพื้นที่ให้เด็กและเยาวชนได้แสดงออกโดยมีกติกา คัดกรอง แยกกลุ่มออกให้ชัด จะไม่ทำให้เด็กและเยาวชนตกเป็นเหยื่อของ ขบวนการก่อการ ให้เกิดความรุนแรงในสังคมเพื่อมุ่งหวังการเปลี่ยนแปลง จึงเสนอให้วิเคราะห์แยกกลุ่มแยกเวที จะพบว่า ปัญหาม็อบในเวลานี้ จะยังพอบริหารจัดการอารมณ์ของเด็กและเยาวชนได้ ใครผิดก็ว่าไปตามผิด ใครถูกก็ว่าไปตามถูก โดยเด็กและเยาวชนผู้บริสุทธิ์ทั้งหลายคงจะมองออกอย่างมีสติ สมาธิ และปัญญา ทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นได้ 

 


เพราะเอาเข้าจริง ๆ คนส่วนใหญ่ทั้งประเทศในเวลานี้ ยังจำได้ถึงความดีและประโยชน์สุขที่ได้รับจากโครงการต่าง ๆ เช่น โครงการพัฒนาและฟื้นฟูป่าชายเลน โครงการช่างหัวมัน โครงการเกษตรทฤษฎีใหม่ หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และโครงการอื่น ๆ อีกเป็นพัน ๆ โครงการ

 

“ถ้าเด็กและเยาวชนเหล่านี้ใช้อุปกรณ์ที่อยู่บนฝ่ามือของแต่ละคน ค้นคำว่า โครงการพระราชดำริฯ แล้ว คงจะรู้จักคำว่า ยับยั้ง ชั่งใจ ได้บ้าง เพราะฝ่ายที่ต้องการทำลายบ้านเมืองของเรา อาจจะต้องการให้เกิดความสูญเสียสุด ๆ ของประเทศ ก่อนวันที่ 13 ตุลาคม นี้ จึงขอให้เด็กเยาวชนและผู้ใหญ่ในบ้านเมืองลองช่วยกันพิจารณาและภาวนา สลับกันไป” ผอ.ซูเปอร์โพล ระบุ