ศรีสุวรรณจี้ ป.ป.ช.เอาผิดตำรวจ สั่งไม่ฟ้องมีโคเคนจากทำฟัน“บอส อยู่วิทยา”

01 ส.ค. 2563 | 03:21 น.

ศรีสุวรรณ จี้ ป.ป.ช.สอบเอาผิดตำรวจเจ้าของสำนวน เป่าข้อหาโคเคนมาจากการทำฟันของ “บอส อยู่วิทยา”

 นายศรีสุวรรณ จรรยา
 

วันที่ 1 ส.ค. 2563  นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า จากกรณีที่คณะกรรมาธิการตำรวจ สภาผู้แทนฯ เชิญตำรวจมาชี้แจงกรณีไม่แย้งคำสั่งอัยการที่ไม่ฟ้องนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ"บอส อยู่วิทยา"ซึ่งขับรถชนตำรวจเสียชีวิต โดยพนักงานสอบสวนให้ข้อมูลว่า ได้รับการยืนยันจากหมอฟันว่า สารที่ตรวจพบในร่างกายนายวรยุทธเป็นยาที่ให้ผู้ต้องหาในการรักษาฟันที่มีส่วนผสมของสารโคเคนอยู่ ทำให้ไม่สั่งฟ้องในข้อหามีสารเสพติดในร่างกายได้นั้น

 

 กรณีดังกล่าว ทำให้มีทันตแพทย์ต่างๆจำนวนมากออกมายืนยันว่า ปัจจุบันไม่มีการใช้สารเสพติดโคเคนในการรักษาผู้ป่วยแล้ว แต่ยอมรับว่าเคยใช้ โคเคน เป็นยาชาเมื่อประมาณกว่า 100-150 ปีก่อน ส่วนยาชาที่ใช้ในปัจจุบัน อาทิ ลิโดเคน เมพิวาเคน อะทิเคน ไม่มีทางแปรเปลี่ยนเป็นโคเคนไปได้ แต่การที่ตำรวจเจ้าของสำนวนทำสำนวนเช่นนั้น ย่อมต้องมีพฤติการณ์พิเศษเกิดขึ้นแน่นอน แต่ที่ตลกที่สุดคือ พอถูกจับได้ก็ออกมาแถลงแบบเอาสีข้างเข้าถูว่าเป็นแค่การเข้าใจผิด
         

การโต้แย้งข้อมูลเพื่อสะท้อนความจริงให้สาธารณชนรับรู้ร่วมกันนั้น สะท้อนให้เห็นถึงความบกพร่องในการสอบสวนและการทำสำนวนคดีของตำรวจเจ้าของคดี ที่นับวันยิ่งจะชี้ชัดได้ว่า การทำสำนวนคดีต่างๆที่เกี่ยวกับนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ "บอส อยุู่วิทยา" ซึ่งขับรถชนตำรวจชั้นประทวนเสียชีวิตนั้น มีความเป็นอภินิหารทางสำนวนคดีมากมาย ที่ทำให้สังคมไทยได้ล่วงรู้ความจริงมากขึ้นถึงกระบวนการทำงานของตำรวจไทยและอัยการ ที่ทำให้สาธารณชนต้องวิพากษ์วิจารณ์ตำรวจและอัยการกันอย่างรุนแรง

 

และถึงเวลาแล้วที่จะต้องปฏิรูปตำรวจและอัยการกันแบบถอนรากถอนโคนกันเลยทีเดียว ไม่เช่นนั้นกระบวนการยุติธรรมขั้นต้น ที่เริ่มจากตำรวจจนมาถึงชั้นอัยการจะบิดเบี้ยวไปได้ง่ายโดยขาดการตรวจสอบและควบคุม จากประชาชนหรือองค์กรภายนอกที่เป็นอิสระ

 

ด้วยเหตุดังกล่าว สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงจะนำความทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับคดีนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือบอส ตั้งแต่ชั้นตำรวจ จนถึงอัยการมีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องนั้น มีพฤติการณ์ หรือการกระทำใดของใครบ้างที่เป็นที่เคลือบแคลงสงสัยกันของประชาชน และอาจเข้าข่ายการทุจริตต่อหน้าที่ และหรือการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายอาญา ม.157   หรือตามที่กฎหมายกำหนด จนข้อหาบางข้อถูกลบหายไป หรือภาษาชาวบ้านว่า “การเป่าคดี” เพื่อนำไปสู่การไต่สวนสอบสวนเอาผิด ผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งระบบทั้งตำรวจและอัยการ โดยจะเดินทางไปยื่นคำร้องในวันจันทร์ที่ 3 ส.ค.63 เวลา 10.00 น ณ สำนักงาน ป.ป.ช. นายศรีสุวรรณ กล่าวในที่สุด