เผยโคเคน ในตัว "บอส อยู่วิทยา" ใช้รักษาฟัน

30 ก.ค. 2563 | 12:20 น.

กมธ.ตำรวจ เผยโคเคนในตัว " บอส อยู่วิทยา" ใช้รักษาฟัน เตรียมพบญาติผู้ตายแจ้งถึงช่องทางใหม่ พบพิรุธไอ้โม่งใช้แท็กติกเอาผิดปมเมาแล้วขับไม่ได้

เมื่อวันที่ 30 ก.ค. ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมาธิการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายนิโรธ สุนทรเลขา ส.ส.นครสวรรค์ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานกรรมาธิการฯ เป็นประธานการประชุม โดยได้เชิญ พล.ต.ท.จารุวัฒน์ ไวศยะ ผู้ช่วยผบ.ตร. พล.ต.ท.สมชาย พัชรอินโต ผบช.สำนักงานกฎหมายและคดี มาให้ข้อมูลต่อคณะกรรมาธิการตำรวจ กรณีตำรวจ ไม่มีคำสั่งแย้งอัยการที่ไม่ฟ้องนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ บอส ทายาทกระทิงแดง กรณีขับรถชนตำรวจสน.ทองหล่อ เมื่อปี2555
 

นายนิโรธ เปิดเผย ภายหลังการประชุมว่า กมธ. ได้มีการสอบถามตำรวจในหลายกรณี ประกอบด้วย กรณีไม่สามารถเอาผิดข้อหาเมาแล้วขับ นายวรยุทธ เนื่องจากพนักงานสอบสวนไม่สามารถตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์หลังเกิดเหตุได้ทันที เพราะผู้ต้องหาขับรถหลบหนีเข้าบ้าน ตำรวจทำได้เพียงล้อมบ้านไว้ กว่าจะได้หมายศาลไปตรวจค้นบ้าน นำตัวผู้ต้องหาไปตรวจแอลกอฮอล ก็เป็นเวลา 16.00น. ซึ่งทิ้งเวลาจากตอนเกิดเหตุไปถึง 10 ชั่วโมง
 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ลึกลับ คดี “บอส อยู่วิทยา” เผย2พยาน โผล่ให้การหลังเกิดเหตุแล้ว 8 ปี

คดี"บอส อยู่วิทยา" ตร.ลั่นจบแล้วโยนครอบครัวฟ้องเอง

ตระกูล 'อยู่วิทยา' ร่อนจม.เปิดผนึก ลอยแพ 'บอส กระทิงแดง'

"เลขาฯคปต."จี้นายกฯตรวจสอบ-ลงโทษคนช่วย"บอส อยู่วิทยา"

มีประเด็นทางข้อกฎหมายระบุว่า การจะนำการตรวจสอบแอลกอฮอล์ขึ้นสู่ศาลได้ ต้องมีการตรวจวัดทันทีหลังเกิดเหตุ จึงไม่สามารถเอาผิดเรื่องเมาแล้วขับได้ ส่วนเรื่องความเร็วรถยนต์นั้น ตำรวจให้ข้อมูลต่อกรรมาธิการว่า มีหน่วยงานที่ตรวจสอบความเร็ว 3 หน่วย คือ 1.สำนักงานจราจร ใช้หลักฟิสิกส์ ดูหลักการปะทะว่าจะมีความเร็ว ความแรงแค่ไหน ผลออกมาในเบื้องต้นว่า น่าจะมีความเร็วเกิน 80 กม./ชม. 2. อาจารย์จากมหาวิทยาลัยพระจอมเกล้า พระนครเหนือ ใช้หลักวิศวกรคำนวณจากกล้องวงจรปิด พบว่า ความเร็วอยู่ที่ 80 กม./ชม. 3.จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ใช้หลักวิศวกร คำนวณจากกล้องวงจรปิดเช่นกัน พบความเร็ว 177 กม./ชม.
 

นายนิโรธ กล่าวว่า เมื่อข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญความเร็วมีความต่างกัน อัยการจึงเชิญกองพิสูจน์หลักฐานและจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มาให้ข้อมูลอีกครั้ง ทั้ง 2 หน่วยงาน ยอมรับว่า น่าจะคำนวณความเร็วผิดพลาด เพราะไม่ได้หักลบจากค่าเลนส์ที่กล้อง ทำให้อัยการมีความเห็นว่า ควรไปหาประจักษ์พยานเพิ่มเติม เป็นเหตุให้ มีพยานมาเพิ่มอีก 2 ปาก คือ 1.นายจารุชาติ มาดทอง ซึ่งเป็นพยานที่อยู่ในสำนวนแต่แรกอยู่แล้ว และได้ยืนยันว่า ผู้ต้องหาขับรถไม่น่าจะเร็ว
 

2.พล.อ.ท.จักรกฤช ถนอมกุลบุตร ซึ่งเป็นพยานที่อัยการ ขอให้ตำรวจไปสอบเพิ่มเติม เพราะก่อนหน้านี้ ฝ่ายผู้ต้องหา เคยขอให้ตำรวจสอบปากคำพยานรายนี้ แต่ตำรวจบอกว่า ทำสำนวนเสร็จสิ้นแล้ว ถ้าจะให้สอบเพิ่มเติม ต้องไปร้องขอความเป็นธรรมจากอัยการ เพื่อให้มีคำสั่ง ให้ตำรวจสั่งสอบพยานรายนี้ เพิ่มเติม ในที่สุด อัยการก็สั่งให้มีการสอบปากคำพยานรายนี้เพิ่มเติม จนกลายเป็นประเด็นข่าวอย่างที่ออกมา
 

“กรรมาธิการตำรวจมองว่า คดีนี้ ไม่น่าจะถูกต้อง ไม่น่าจะชอบธรรม จึงได้ตั้งข้อสังเกตไปยังตำรวจ ให้มีการตรวจสอบรายละเอียดที่ขาดตกบกพร่องอยู่ ช่องโหว่ที่กรรมาธิการพบคือ การตั้ง5ข้อหา ที่แต่ละข้อหาต่างกัน เมื่อไม่สามารถนำตัวผู้ต้องหามาฟ้องคดีได้ทัน เพราะหลบหนีไปต่างประเทศ ทำให้บางข้อหาหมดอายุความลงไป ถือเป็นช่องโหว่ทางกฎหมาย”นายนิโรธ กล่าว

นายณัฏฐ์ชนน ศรีก่อเกื้อ โฆษกคณะกรรมาธิการตำรวจ และส.ส.สงขลา พรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า เรื่องสารเสพติด โคเคนที่พบในตัวผู้ต้องหา ทางพนักงานสอบสวนให้การว่า ได้รับการยืนยันจาก หมอฟันว่า สารที่ตรวจพบในร่างกายนายวรยุทธ์ เป็นยาที่ให้กับผู้ต้องหา ในการรักษาฟันที่มีส่วนผสมของสารโคเคนอยู่ เป็นเหตุให้ไม่มีการสั่งฟ้องผู้ต้องหาของสารเสพติด
 

“สำหรับช่องทางในการรื้อฟื้นคดีใหม่นั้น เราทราบมาว่า ทางผู้ตาย มีภรรยาแต่ได้หย่า ไม่มีบุตร มีเพียงญาติพี่น้องที่ดูน่าจะเกี่ยวข้อง 5 คน ซึ่งตอนแรกมีการตกลงจะให้ค่าเยียวยา 6 ล้านบาท ต่อมามีการต่อรองเหลือเพียง 3 ล้านบาทนั้น ต้องไปดูด้วยว่า มีการถูกขู่บังคับอะไร ในการไม่ให้ติดใจเอาความหรือไม่ หลังจากนี้ เราจะไปพบญาติ เพื่อไปสอบถามว่า ยังติดใจในคดีหรือไม่ พร้อมทั้งจะบอกถึงช่องทางในการรื้อฟื้นคดีได้ ถ้ามีหลักฐานใหม่”นายณัฏฐ์ชนนกล่าว
 

นายณัฏฐ์ชนน กล่าวว่า ส่วนปริมาณแอลกอฮอลที่ตรวจพบในตัวผู้ต้องหาหลังก่อเหตุไปแล้ว 10 ชั่วโมง ที่ยังมีปริมาณแอลกอฮอล์สูงถึง 60 มิลลิกรัม ทางตำรวจชี้แจงว่า ผู้ต้องหา ยืนยันว่า ไม่ได้ขับรถระหว่างเมาสุรา แต่ที่ตรวจพบเป็นการดื่มหลังจากเกิดเหตุแล้ว เนื่องจากเพราะมีความเครียด อย่างไรก็ตาม กรรมาธิการฯยังติดใจ ช่วงเวลาที่ห่างกัน 10 ชั่วโมง ผู้ต้องหาไปกินอาหารหรืออะไรบางอย่าง เพื่อให้ปริมาณแอลกอฮอล์ลดลงหรือไม่
 

มีรายงานว่า เหตุที่ทางตำรวจยอมให้ข้อมูลกระจ่างชัด ทั้งที่เป็นชุดเดิมจากการที่มาชี้แจงในกมธ.การกฎหมายฯ เนื่องจากครั้งนี้ ได้เชิญเพียงฝ่ายตำรวจมาให้ข้อมูล ไม่ได้เชิญอัยการมาด้วย รวมทั้งการให้ข้อมูลเพียงเฉพาะกกมธ.เท่านั้น โดยที่ไม่มีบุคคลภายนอกเข้าร่วมรับฟัง