รุมเกาะติด ตรวจสอบ ทุจริตงบ 4 แสนล้าน

21 มิ.ย. 2563 | 03:00 น.

ข่าวเศรษฐกิจ อัพเดทข่าววันนี้ ราคาทอง น้ำมัน ข่าวตลาดหุ้น การเงิน ธุรกิจ อสังหาริมทรัพย์ การตลาด เจาะลึกแบบตรงประเด็น | ฐานเศรษฐกิจ

 

เป็นที่น่าสนใจอย่างมากกับการขอใช้เงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 วงเงิน 400,000 ล้านบาท

จากข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 12 มิถุนายน 2563 พบว่าหน่วยงานทั้งส่วนราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.) องค์การมหาชน ได้ทำข้อเสนอโครงการให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) พิจารณา 34,263 โครงการ วงเงิน 841,269 ล้านบาท เกินกรอบวงเงินที่ว่างไว้สำหรับฟื้นฟูประเทศ ไปถึง 441,269 ล้านบาท 

มีความเป็นห่วงกันว่า การใช้จ่ายเงินตาม พ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท ที่เน้นการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมทั่วประเทศ จะใช้จ่ายอย่างคุ้มค่า ปราศจากการทุจริตคดโกงหรือไม่

ทำให้ภาคส่วนต่างๆ ตื่นตัว “เกาะติด” เพื่อป้องกันไม่ให้มีการ “ทุจริต” งบประมาณแผ่นดินเกิดขึ้น 

 

สภาตั้งกมธ.ตรวจสอบ  

หน่วยงานแรก ในส่วนของ สภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน ที่ผ่านมา ได้มีมติตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาติด ตาม ตรวจสอบ การใช้เงินตาม พ.ร.ก. 3 ฉบับ เพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 วงเงินรวม 1.9 ล้านล้านบาท จำนวน 49 คน 

แบ่งเป็นสัดส่วนของรัฐบาล 12 คน พรรคการเมือง 37 คน แบ่งเป็น พรรคเพื่อไทย 10 คน, พลังประชารัฐ 9 คน, ภูมิใจไทย 5 คน, ก้าวไกล 4 คน, ประชาธิปัตย์ 4 คน, ชาติไทยพัฒนา 1 คน, เสรีรวมไทย 1 คน, ประชาชาติ 1 คน, เศรษฐกิจใหม่ 1 คน 

ส่วนพรรครวมพลังประชาชาติไทย พรรคเพื่อชาติ และพรรคท้องถิ่นไท ได้สัด ส่วน 1 คน ทั้งนี้ให้กำหนดเวลา 120 วันในการพิจารณา

 

กมธ.วุฒิสภา 26 คณะ

ด้านสมาชิกวุฒิสภา(ส.ว.) นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว. ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการวุฒิสภา (วิปวุฒิสภา) เปิดเผยว่า วุฒิสภา ได้พิจารณาถึงการตรวจสอบการใช้จ่ายเงินตาม พ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท โดยเฉพาะในส่วนของการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมทั่วประเทศ 4 แสนล้านบาท 

 

รุมเกาะติด ตรวจสอบ ทุจริตงบ 4 แสนล้าน

 

ทั้งนี้ ได้มีมติให้ “วุฒิสภา” ดำเนินการ 4 ประการ เพื่อพิทักษ์เงินแผ่นดินให้ใช้อย่างคุ้มค่าปราศจากการคดโกงทุกรูปแบบ โดยมีความเห็นร่วมกันคือ ให้คณะกรรมาธิการสามัญประจำวุฒิสภาทุกคณะ 26 คณะดำเนินการตรวจสอบติดตามเรื่องนี้อย่างรอบด้าน กว้างขวาง และเต็มกำลัง ตามหน้าที่และอำนาจที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญและข้อบังคับ โดยให้ถือเป็นภารกิจพิเศษและเร่งด่วน 

“อย่าให้คนโกงมีที่ยืน ให้เงินแผ่นดินทุกบาททุกสตางค์ใช้ไปอย่างคุ้มค่าทุกบาททุกสตางค์ และต้องไม่เป็นไปเพื่อประโยชน์ทางการเมืองในทุกรูปแบบ”

 

 

นอกจากนี้ จะดำเนินการตั้งคณะอนุกรรมาธิการเพื่อตรวจสอบงบประมาณเกี่ยวกับการฟื้นฟูเศรษฐกิจอีกคณะ เพื่อให้เกิดความเชื่อมโยงและบูรณาการการทำงานร่วมกันของวุฒิสภาทั้ง 250 คน พร้อมตั้งศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์และข้อเสนอแนะจากประชาชนทั่วประเทศ 

พล.ร.อ.ศิษฐวัชร วงษ์สุวรรณ ประธาน กมธ.ศึกษาตรวจสอบเรื่องการทุจริต ประพฤติมิชอบและเสริมสร้างธรรมาภิบาล วุฒิสภา เปิดเผยว่า จะตรวจสอบการจัดสรรและใช้จ่ายงบประมาณ ส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ และ อปท. ทั้งนี้ หากประชาชนมีเบาะแสหรือตรวจพบการทุจริต ประพฤติมิชอบของหน่วยงานของรัฐ สามารถแจ้งข้อมูลให้ กมธ.ได้ ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02-831-9182 โทรสาร 02-831-9183 หรือช่องทางอีเมล์ senate [email protected]

 

ปปช.จับตาพิเศษ

ด้านสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการ​ ป.ป.ช. กล่าวว่า สำนักงาน ป.ป.ช. ได้ตั้งคณะทำงานเพื่อศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับ พ.ร.ก.กู้เงินเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมในการตรวจสอบทันทีที่โครงการต่างๆ ได้รับการอนุมัติ 

สำหรับการตรวจสอบงบประมาณที่ 4 แสนล้านบาท เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม​ หากมีการร้องเรียนหรือเป็นคดี ป.ป.ช.จะยกเป็นคดีเร่งด่วน ที่ต้องตรวจสอบทันที เพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเงินจำนวนมาก ต้องตรวจสอบและเห็นผลของคดีทันที 

ขณะเดียวกันจะมีการตั้ง “เว็บไซต์เฉพาะกิจ” ขึ้นมา เพื่อตรวจสอบการใช้เงินกู้

 

 

ป.ป.ท.-ศอตช.ร่วมเกาะติด

สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ในฐานะกลไกของฝ่ายบริหารในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต และในฐานะฝ่ายเลขานุการของศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) ซึ่งมีหน้าที่และอำนาจในการเสนอแนะแนวทางและมาตรการในการบูรณาการเพื่อเสริมสร้างและประสานความร่วมมือกับทุกภาคส่วนทั้งหน่วยงานภาครัฐ ภาคสังคม ภาคเอกชน  และประชาชนในการแก้ไขปัญหาการทุจริตและประพฤติมิชอบต่อ ครม. ได้เสนอกลไกเฝ้าระวังการใช้จ่ายงบประมาณตามพ.ร.ก.เงินกู้ 1 ล้านล้านบาท ซึ่งประกอบไปด้วย 4 ด้าน คือ 

1. การเฝ้าระวังและแจ้งเบาะแส เปิดให้ภาค ประชาชน ภาคเอกชน ร่วมเฝ้าระวังและแจ้งเบาะแสการทุจริตทางเว็บไซต์และจุดบริการข้อมูลข่าวสารของหน่วยงานทางแพลตฟอร์มดิจิทัลกลาง และทางเว็บไซต์ระบบข้อมูลการใช้จ่ายภาครัฐ ให้ ศอตช. เป็นศูนย์กลางประสานการดำเนินงาน      

2. การป้องกันและลดโอกาสการทุจริต โดย ศอตช.ทำการวิเคราะห์และจัดทำข้อเสนอแนะการดำเนินงานตามแผนงาน/โครงการที่มีความเสี่ยงการทุจริตสูง เพื่อแจ้งเตือนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเฝ้าระวังป้องกันไม่ให้มีการทุจริต

3. การตรวจสอบ ให้ ศอตช.ทำการตรวจสอบเมื่อมีเรื่องร้องเรียนหรือมีเบาะแสการทุจริต 

4. การดำเนินมาตรการทางปกครองวินัย และอาญา เมื่อมีข้อร้องเรียนหรือการแจ้งเบาะแสการทุจริต 

 

เครือข่ายปชช.77 จังหวัด

ด้าน “เครือข่ายภาคประชาชน” ก็ได้ระดมกำลังกันติดตามตรวจสอบการใช้งบ 4 แสนล้านล้านบาท

โดย “ชมรม​ STRONG​ ต้านทุจริตประเทศไทย” และภาคีเครือข่าย ชมรม Strong จิตพอเพียงต้านทุจริต 77 จังหวัด ร่วมกันแสดงเจตจำนงในการเฝ้าระวังติดตาม ตรวจสอบ และช่วยกันเปิดเผยข้อมูล เมื่อพบเห็นสิ่งผิดปกติในการดำเนินโครงการในทุกพื้นที่ ทุกโครงการ ตามแนวทางการป้องกันการทุจริตเชิงรุก เพื่อให้การใช้งบประมาณในครั้งนี้ได้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ มีความโปร่งใส คุ้มค่าและก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อชุมชน 

 

หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3,585 หน้า 10 วันที่ 21 - 24 มิถุนายน 2563