ยังเป็นประเด็นร้อนที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด สำหรับร่างพ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบ ประมาณ 2563 หลัง นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีตส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เปิด ประเด็นว่า นายฉลอง เทอดวีระพงศ์ ส.ส.พัทลุง พรรคภูมิใจไทย (ภท.) ให้คนอื่นเสียบบัตรลงคะแนนแทน ในระหว่างการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายปี 2563 วาระ 2 ตั้งแต่มาตรา 31 จนถึงการลงมติวาระ 3 ของวันที่ 10-11 มกราคม ในขณะที่นายฉลอง ไม่ได้อยู่ในห้องประชุม แต่มีชื่อร่วมลงมติ
อดีตส.ส.ประชาธิปัตย์ยังแสดงความกังวลว่า เมื่อเกิดกรณีนี้ขึ้นจะส่งผลให้ร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯ 2563 เป็นโมฆะหรือไม่ เนื่องจากเคยเกิดกรณีพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการ คลังกู้เงินเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศปี 2557 เป็นเหตุให้ร่างกฎหมายไม่ชอบด้วยกฎหมาย
หลังจากนั้นมีการแฉรายชื่อส.ส.รัฐบาลอีก 3 คนที่อยู่ในข่ายให้คนอื่นเสียบบัตรให้ และเสียบบัตรให้คนอื่น
ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากสังคม มีข้อเสนอแนะจากหลายฝ่ายเพื่อหาทาง ออกต่อร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯ 2563 อาทิ นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ เสนอให้รัฐบาลออกเป็นพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ขึ้นมาทดแทนในทันที เมื่อประกาศใช้บังคับแล้วค่อยนำเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรในภายหลัง
กระทั่งเมื่อวันที่ 22 มกราคม นายวิรัช รัตนเศรษฐ ประธานวิปรัฐบาล ได้รวบรวมรายชื่อส.ส.ฝ่ายรัฐบาล 90 คน ยื่นหนังสือต่อประธานรัฐสภา เพื่อขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยกระบวนการพิจารณา ร่าง พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายปี 2563 ใน 3 ประเด็น ได้แก่ 1.กระบวนการ ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายปี 2563 ขัดหรือแย้งกับหลักการการออกเสียงลงคะแนน ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 120 หรือไม่ 2.หากมีปัญหา จะมีปัญหาทั้งฉบับ หรือเฉพาะมาตราที่มีปัญหา และ 3.จะดำเนินการในแต่ละกรณีต่อไปอย่างไร
ขณะนี้ “ศาลรัฐธรรมนูญ” ก็ได้รับเรื่องจากประธานสภาไว้พิจารณา และให้ผู้เกี่ยวข้อง 4 คน ได้แก่ นายสรศักดิ์ เพียรเวช เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร นายฉลอง เทอดวีระพงศ์ ส.ส. พัทลุง พรรคภูมิใจไทย น.ส.ภริม พูลเจริญ ส.ส.สุมทรปราการ พรรคพลังประชารัฐ และนายสมบูรณ์ ชารัมย์ ส.ส.บุรีรัมย์ พรรคภูมิใจไทย ยื่นคำชี้แจงเป็นหนังสือพร้อมข้อมูลที่เกี่ยวข้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ภายในวันที่ 4 กุมภาพันธ์
ในระหว่างที่รอการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้มุมมมองในแง่กฎหมายอย่างน่าคิด พร้อมแสดงความมั่นใจว่า ร่างพ.ร.บ. งบประมาณรายจ่าย ปี 2563 น่าจะเป็นร่างกฎหมายที่ตราขึ้นโดยถูกต้อง หรือไม่เป็นโมฆะอย่างที่หลายฝ่ายเป็นห่วง เนื่องจากมีส.ส.ร่วมประชุมสภาเกินกึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกสภาที่มีอยู่ขณะนั้น
สาเหตุที่ นายไพบูลย์ เชื่อว่า ศาลรัฐธรรมนูญจะเห็นชอบให้ร่างกฎหมายดังกล่าวนำไปบังคับใช้ได้ เพราะน่าจะสอดคล้องกับแนวของคําวินิจฉัยที่ 8 /2551 เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2551 เรื่อง นายกรัฐมนตรีขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับกระบวนการตราร่างพ.ร.บ.สํานักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน พ.ศ. ...
แม้ว่าคดีดังกล่าว ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ ร่างพ.ร.บ. สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน พ.ศ. … ตราขึ้นโดยไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ และเป็นอันตกก็ตาม แต่เหตุที่ร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวตกไป ปรากฏในคำวินิจฉัยที่ 8/2551 มีสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติเข้าประชุมเพียง 50 คน ไม่ถึงกึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภานิติบัญญัติแห่งชาติในขณะนั้น คือ 121 คน
ดังนั้น การยื่นคำร้องกรณีส.ส.ใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์แสดงตนและลงมติทั้งที่ไม่ได้อยู่ในห้องประชุมในระหว่างการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ 2563 วาระ 2 และ 3 โดยข้อเท็จจริงมีจำนวนเพียง 2-3 เสียงเท่านั้น แม้การออกเสียงดังกล่าวจะไม่เป็นไปตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ แต่ไม่มีผลใดๆ ที่จะทำให้การพิจารณาวาระ 2 และ 3 ไม่ครบองค์ประชุมและไม่ได้มติเสียงข้างมาก
“ที่ประชุมส.ส.พิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯ 2563 ในวาระที่ 3 สมาชิกเข้าประชุม 450 เสียง ผลลงมติเห็นด้วย 253 เสียง ไม่เห็นด้วย 0 เสียง งดออกเสียง 196 เสียง ไม่ลงคะแนน 1 เสียง แสดงให้เห็นว่า มีส.ส.ออกเสียงลงคะแนนครบองค์ประชุม และการลงมติเห็นชอบด้วยเสียงข้างมากตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 มาตรา 120 ทั้งวาระ 2 และ 3 จึงเป็นร่างพ.ร.บ.ที่ตราขึ้นโดยถูกต้องตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ”
ความเชื่อมั่นจากมือกฎ หมายระดับเซียน อย่าง “ไพบูลย์” จะเป็นจริงหรือไม่ ต้องรอลุ้นคำตอบจากศาลรัฐธรรมนูญ ไม่นานเกินรอคงได้รู้กัน...
วันที่ 10 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 40 ฉบับที่ 3,546 วันที่ 6-8 กุมภาพันธ์ 2563