ผู้ว่าฯเชียงใหม่ไม่ทน ส่งนิติกรแจ้งความ"โพสต์บิดเบือน"

13 เม.ย. 2564 | 09:26 น.

ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ไม่ทน  มอบหมายนิติกรเข้าแจ้งความมือโพสต์บิดเบือนสถานการณ์โควิด-19 ของจังหวัดเชียงใหม่ ก่อให้เกิดความสับสนและตื่นตระหนกแก่ประชาชน

ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ไม่ทน  มอบหมายนิติกรเข้าแจ้งความมือโพสต์บิดเบือนสถานการณ์โควิด-19 ของจังหวัดเชียงใหม่ ก่อให้เกิดความสับสนและตื่นตระหนกแก่ประชาชน

 

วันที่ 13 เม.ย. 2564 บ่ายนี้นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ มอบอำนาจให้ นางสาวจริญญา พรหมมา นิติกรปฏิบัติการ กลุ่มงานอำนวยการ สำนักงานจังหวัดเชียงใหม่ ดำเนินการร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดบิดเบือนข้อเท็จจริง ก่อให้เกิดความสับสนและตื่นตระหนกแก่ประชาชน ที่สถานีตำรวจภูธรช้างเผือก อำเภอเมืองเชียงใหม่

 ผู้ว่าฯเชียงใหม่ไม่ทน ส่งนิติกรแจ้งความ"โพสต์บิดเบือน"

จากกรณีการแชร์คลิปวิดีโอ ความยาว 12 วินาที เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2564 ผ่านทางแอพพลิเคชัน LINE  และช่องทางออนไลน์อื่น โดยเป็นการตัดต่อคลิปวิดีโอการแถลงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ของนายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ภายหลังการเข้าตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ ซึ่งปฏิบัติงานในโรงพยาบาลสนาม ณ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา จังหวัดเชียงใหม่

 

โดยมีข้อความช่วงหนึ่งระบุว่า "...น่าจะมีคนที่ติดเชื้อโดยการประเมินน่าจะอยู่ไม่ต่ำกว่า 6,000 คน..." นั้น เป็นการตัดต่อจากคำแถลงฉบับเต็ม ที่ได้มีการกล่าวชี้แจงในช่วงท้ายของการให้สัมภาษณ์แล้ว ว่าเป็นเพียงผู้ที่มีความเสี่ยงจากการสัมผัสผู้ป่วยเท่านั้น ซึ่งการเผยแพร่คลิปวิดีโอที่มีรายละเอียดของเนื้อหาที่ไม่ครบถ้วน ย่อมทำให้ประชาชนเกิดความสับสนและตื่นตระหนกได้


 ผู้ว่าฯเชียงใหม่ไม่ทน ส่งนิติกรแจ้งความ"โพสต์บิดเบือน"

การโพสต์สถานการณ์ระบาดเชื้อโควิด-19 ที่เป็นเทฺ็จ ทำให้สังคมปั่นป่วนสับสน

อีกทั้งเมื่อวันที่ 12 เมษายน 2564 เวลาประมาณ 20.00 น. ได้ปรากฎกรณีการโพสต์ข้อความลงในเฟสบุ๊คกลุ่ม "จังหวัดเชียงใหม่" โดยผู้ใช้เฟสบุ๊คชื่อ Nuclaers Atom ความว่า "ผู้ว่าเจียงใหม่ติดเชื้อ Covid-19 ต้องรับวัคซีนด่วน" และมีประชาชนทั่วไปเข้ามาแสดงความคิดเห็นในโพสต์ดังกล่าว อีกทั้งมีผู้ใช้เฟสบุ๊คบางรายได้แชร์โพสต์ดังกล่าวไปยังหน้าเฟสบุ๊คของตนเอง 

ทั้งนี้ เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ระลอกใหม่ การนำเสนอและส่งต่อข้อมูลที่มีเนื้อหาเป็นเท็จ และบิดเบือนข้อเท็จจริงในลักษณะดังกล่าวสู่สาธารณะชน ย่อมทำให้ประชาชนเกิดความสับสนและตื่นตระหนก เข้าข่ายความผิดตามมาตรา 14(2) แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติม

 

อีกทั้งยังเป็นการใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สาม ซึ่งได้กระทำลงด้วยการเผยแพร่ข้อความลงในแอพพลิเคชัน LINE กลุ่มเฟสบุ๊คสาธารณะ ตลอดจนสื่อสังคมออนไลน์อื่น อันเข้าข่ายความผิดฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณาตามนัยมาตรา 326 ประกอบมาตรา 328 แห่งประมวลกฎหมายอาญา ตลอดจนความผิดตามกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง

 

ซึ่งหลังจากนี้จะได้นำตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามอำนาจหน้าที่ต่อไป

การโพสต์ข้อมูลเทฺ็จอันทำให้สังคมปั่นป่วน