กองปราบล่าไม่ถอยแก๊งทุจริต“เราเที่ยวด้วยกัน”

29 ม.ค. 2564 | 10:13 น.

กองบังคับการปราบปราม ภายใต้การควบคุมสั่งการของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร., พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร., พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.สุวัฒณ์ แสงนุ่น ผบก.ป. สั่งการให้ พ.ต.อ.วิวัฒน์ จิตโสภากุล ผกก.3 บก.ป. ติดตามจับกุมผู้ต้องหาที่ยังคงหลบหนีการจับกุมภายใต้การปฏิบัติการปราบปรามขบวนการทุจริต โครงการ    “เราเที่ยวด้วยกัน”

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 27 มกราคม 2564 กองบังคับการปราบปรามได้บูรณาการร่วมกับเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานต่างๆ สืบสวนสอบสวน เพื่อติดตามจับกุมกลุ่มผู้ต้องหาในขบวนการทุจริตโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” ซึ่งเป็นโครงการของทางรัฐบาล โดยทางกองบังคับการปราบปรามได้ร่วมปฏิบัติการตรวจค้นจับกุมจำนวน 55 เป้าหมาย ในพื้นที่หลายจังหวัด สามารถติดตามจับกุมแก๊งทุจริตโครงการดังกล่าวมาดำเนินคดีตามกฎหมายได้แล้ว

กองปราบล่าไม่ถอยแก๊งทุจริต“เราเที่ยวด้วยกัน”

ซึ่งทาง กก.3 บก.ป. ผู้รับผิดชอบปฏิบัติการในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้ดำเนินการจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับจำนวน 41 หมายจับ สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้จำนวน 38 ราย และยังคงมีผู้ต้องหาที่ไหวตัวทัน หลบหนีการจับกุมอีกจำนวน 3 ราย คือ น.ส.มลทิชา (สงวนนามสกุล) ผู้สวมสิทธิโครงการเราเที่ยวด้วยกัน, นายโยธิน (สงวนนามสกุล) ผู้ดูแลแอปพลิเคชั่นถุงเงินของร้านค้าที่ร่วมมือกับขบวนการดังกล่าว และ นางกมลวรรณ (สงวนนามสกุล) ผู้รวบรวมสิทธิโครงการเราเที่ยวด้วยกันและรับจ้างเปิดบัญชีธนาคาร โดยผู้ต้องทั้ง 3 ราย ศาลอาญาได้ออกหมายจับไว้แล้วตามหมายจับที่ 134,139,142/2564 ลง 25 มกราคม 2564 ข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกง ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสตงตนเป็นบุคคลอื่น, ร่วมกันใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบ ในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น หรือประชาชน เพื่อประโยชน์ในการชำระค่าสินค้า ค่าบริการหรือหนี้อื่นแทนการชำระด้วยเงินสด หรือเบิกถอนเงินสด และร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ”

ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ป. จึงยังคงนำกำลังเร่งติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย ที่ยังคงหลบหนีอยู่ มาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ได้โดยเร็ว

กระทั่งวันที่ 28 มกราคม 2564 หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้วางกำลัง กดดันเร่งติดตามตัวกลุ่มผู้ต้องหาอย่างหนัก ด้วยความเกรงกลัวต่อกฎหมาย ผู้ต้องหาทั้ง 3 รายจึงได้ประสานมายังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม เพื่อขอมอบตัวดำเนินคดีตามกฎหมาย