ครม.อนุมัติปรับปรุงท่าเทียบเรือเกาะล้าน

15 ธ.ค. 2563 | 08:57 น.

ครม.อนุมัติเปลี่ยนแปลงโครงการปรับปรุงท่าเทียบเรือเกาะล้าน จาก "ท่าเทียบเรือคอนกรีตเสริมเหล็ก" เป็น "ท่าเทียบเรือลอยน้ำสำเร็จรูป"

15 ธันวาคม 2563 นางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) อนุมัติให้เมืองพัทยา เปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์และเป้าหมายการดำเนินการปรับปรุงท่าเทียบเรือเพื่อการท่องเที่ยวเกาะล้านเมืองพัทยา อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี จาก “ท่าเทียบเรือคอนกรีตเสริมเหล็กพร้อมทางขึ้น-ลงเรือ บริเวณท่าเทียบเรือหน้าบ้าน เกาะล้าน” เป็น “การติดตั้งท่าเทียบเรือลอยน้ำสำเร็จรูป จำนวน 3 แห่ง บนพื้นที่เกาะล้าน เมืองพัทยา อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี”

 

สำหรับสาเหตุที่ต้องเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เนื่องมาจากในการประชุมการจัดทำรายงานประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมได้มีการพิจารณาแบบแปลนก่อสร้างท่าเทียบเรือที่องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) ออกแบบไว้ โดยแบบแปลนดังกล่าวได้รับคำทักท้วงจากผู้เชี่ยวชาญของกรมเจ้าท่าในประเด็นเรื่องสะพานท่าเทียบเรือเดิมที่จะไม่ทำการทุบโครงสร้างสะพานทิ้ง

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ครม.เห็นชอบต่อพ.ร.ก.ฉุกเฉิน 3 จังหวัดชายแดนใต้อีก 3 เดือน

ครม.เคาะหลักเกณฑ์ "อาคารสูง-ป้าย" 7 ประเภท ต้องทำประกันภัย

 

 

โดยมีลักษณะโครงสร้างที่กีดขวางทิศทางการไหลของกระแสน้ำซึ่งขัดต่อกฎกระทรวง เป็นผลให้เมืองพัทยาต้องปรับปรุงแก้ไขแบบแปลนให้ถูกต้องก่อนยื่นขออนุมัติรายงานประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม

 

 

 

ประกอบกับสถานการณ์ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 ทำให้เมืองพัทยาไม่สามารถดำเนินการปรับปรุงท่าเรือหน้าบ้านได้และหากรอให้โครงการได้รับความเห็นชอบรายงานประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมก็จะทำให้ไม่สามารถก่อหนี้ผูกพันได้ทันสิ้นปีงบประมาณ2563

ดังนั้น เมืองพัทยาจึงได้พิจารณาโครงการที่มีความจำเป็นเร่งด่วนลำดับรองลงมาที่จะต้องดำเนินการรวม 3 โครงการ ซึ่งอยู่ภายใต้แผนงานและผลผลิตของโครงการเดิม วงเงิน 127.50 ล้านบาทดังนี้ 1.ก่อสร้างท่าเทียบเรือโดยสารปรับระดับบริเวณท่าเทียบเรือหน้าบ้านแบบติดตั้งทุ่นลอยน้ำ ใช้งบประมาณ 38.02 ล้านบาท 2.ปรับปรุงสะพานของศูนย์แพทย์ชุมชนบ้านเกาะล้านแบบติดตั้งท่าเรือลอยน้ำ ใช้งบประมาณ 41.48 ล้านบาท และ 3 .ปรับปรุงท่าเทียบเรือปรับระดับหาดแสมแบบติดตั้งทุ่นลอยน้ำใช้งบประมาณ 48 ล้านบาท