สธ.ขู่ สั่งปิด “สถานบันเทิง” ไร้มาตรการคุมระบาดโควิด

04 ธ.ค. 2563 | 10:15 น.

กระทรวงสาธารณสุข เตือนจะมีการสั่งปิดสถานบันเทิง ที่ไม่มีมาตรการคุมการระบาดของโควิด 

วันนี้ (4 ธันวาคม 2563) กระทรวงสาธารณสุข ประสานกระทรวงมหาดไทยได้กำชับให้ทุกจังหวัดกำกับติดตามให้สถานที่ต่าง ๆ ที่ให้บริการ ปฏิบัติตามมาตรการควบคุมป้องกันโรคโควิด-19 เช่น สถานบันเทิง เป็นต้น หากไม่ปฏิบัติตามมีอำนาจสั่งปิดได้ทันที

 

โดยเรื่องนี้ เปิดเผยระหว่างการแถลงข่าวสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี  โดยนายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมควบคุมโรค 


นายแพทย์โอภาส กล่าวว่า ขอความร่วมมือภาคประชาสังคม ผู้ให้บริการ ผู้ใช้บริการ และผู้จัดกิจกรรมต่างๆ ในพื้นที่สาธารณะ ต้องเข้มมาตรการสวมหน้ากาก หมั่นทำความสะอาดตามจุดสัมผัสต่างๆ จัดจุดล้างมือ เว้นระยะห่าง และสแกนไทยชนะทุกครั้ง ส่วนสถานพยาบาลจะช่วยคัดกรองกลุ่มเสี่ยงต่างๆ และให้คำแนะนำประชาชน

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

"วัคซีนโควิดปลอม" ระบาดไวยิ่งกว่าไวรัส คำเตือนจาก "ตำรวจสากล"

ยอดโควิด 4 ธ.ค.63 มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 14 ราย จากในประเทศ 1 ราย มาจากต่างประเทศ 13 ราย

สธ.เผยพบหญิงสิงห์บุรีวัย 51 ปี ติดโควิด-19 เดินทางมาจากเชียงราย

เปิด Timeline ผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่ 14 ราย

แกะรอย Timeline หญิงสิงห์บุรีติดโควิด “25พ.ย. – 3ธ.ค.” ไปไหนมาบ้าง เช็กได้ที่นี่

นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมควบคุมโรค 

“กระทรวงมหาดไทยได้กำชับให้ทุกจังหวัดกำกับติดตามให้สถานที่ต่าง ๆ ที่ให้บริการ ปฏิบัติตามมาตรการควบคุมป้องกันโรค เช่น สถานบันเทิง เป็นต้น หากไม่ปฏิบัติตามมีอำนาจสั่งปิดได้ทันที”

 

นายแพทย์โอภาส กล่าวอีกว่า กระทรวงสาธารณสุขได้กำหนดแนวทางปฏิบัติสำหรับโรงเรียนและสถานที่ต่างๆ คือ ให้ปิดเฉพาะกรณีที่พบผู้ป่วยยืนยันโควิด 19 ในสถานที่นั้นๆ หากเป็นผู้ที่สัมผัสกับผู้ป่วยไม่จำเป็นต้องปิดสถานที่ โดยผู้สัมผัสเสี่ยงสูงจะต้องเข้ารับการกักกันเพื่อเฝ้าระวังอาการ ส่วนผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำหรือผู้สัมผัสที่ใกล้ชิดกับผู้สัมผัสเสี่ยงสูงก็ไม่ต้องปิดสถานที่เช่นเดียวกัน แต่แนะนำให้เฝ้าระวังอาการ สวมหน้ากาก ล้างมือ เว้นระยะห่าง โดยสถานที่นั้นๆ สามารถทำความสะอาดบ่อย ๆ เพื่อความปลอดภัยและสร้างความมั่นใจ หากมีผลการสอบสวนโรคเพิ่มเติมจะรายงานให้ทราบต่อไป

“ส่วนผู้ที่เดินทางกลับมาจากเชียงใหม่และเชียงราย ถ้าไม่ได้อยู่สถานที่เดียวกับผู้ป่วย ถือว่าไม่มีความเสี่ยง ไม่จำเป็นต้องกักตัว ในกรณีนักเรียนที่ไปเที่ยวเชียงใหม่แต่ไม่ใช่พื้นที่ที่พบผู้ติดเชื้อ การให้กักตัวถือว่าเป็นมาตรการที่เกินความจำเป็น สำหรับการตรวจพบผู้ติดเชื้อโควิด 19 ที่จ.กำแพงเพชร ชายไทยอายุ 49 ปี ผลตรวจพบปริมาณสารพันธุกรรมน้อยและมีภูมิคุ้มกันขึ้นแล้ว แสดงว่าติดเชื้อมานาน และผู้สัมผัสใกล้ชิดผลการตรวจเป็นลบ จึงไม่จำเป็นต้องดำเนินการปิดโรงเรียน” นายแพทย์โอภาสกล่าว


นายแพทย์โอภาสกล่าวว่า ขณะนี้มีผู้ติดเชื้อโควิด 19 ที่เดินทางมาจาก จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา ตั้งแต่วันที่ 24 พฤศจิกายน 2563 จนถึงปัจจุบัน จำนวน 13 ราย เดินทางเข้าช่องทางธรรมชาติ 10 ราย (เชียงใหม่ 3 ราย เชียงราย 3 ราย กรุงเทพมหานคร 1 ราย พะเยา 1 ราย พิจิตร 1 ราย และราชบุรี 1 ราย) และเข้ามาตามระบบ เป็นชาวเชียงรายทั้ง 3 ราย ผู้ที่เดินทางกลับเข้ามามีความเสี่ยงรับเชื้อมาด้วย 

 

จึงขอให้คนไทยในฝั่งท่าขี้เหล็กแจ้งรายชื่อ ขอเดินทางกลับประเทศไทยอย่างถูกต้อง ซึ่ง จ.เชียงรายได้จัดเตรียมสถานที่กักกันโรคหลายร้อยห้องรองรับ หากเข้ามาตามเส้นทางธรรมชาติ จะมีการตรวจจับดำเนินคดีตามกฎหมาย เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงจะตรวจตราเข้มตามแนวชายแดน มี อสม.ช่วยเฝ้าระวังตามสถานที่ต่างๆ รวมถึงประชาชนช่วยกันเฝ้าระวัง หากพบผู้เดินทางกลับมาอย่างผิดกฎหมาย ไม่ได้ผ่านการกักกัน 14 วัน ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่สาธารณสุข กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน หรือ อสม.ทันที