ตรังเตรียมประกาศล็อกดาวน์ สกัดคนภายนอกนำเชื้อเข้า

09 เม.ย. 2563 | 05:17 น.

ตรังเตรียมยกระดับคุมพื้นที่ ปิดช่องทางเข้า -ออก ในพื้นที่จังหวัดตรัง 10-30 เม.ย. หวังสกัดคนนอกนำเชื้อเข้าพื้นที่

วันที่ 9 เม.ย.63 ที่ศูนย์บริหารสถานการณ์ COVID-19 ห้องประชุมชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดตรัง คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดตรัง ที่มีนายลือชัย เจริญทรัพย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตรังเป็นประธาน ได้มีมติให้ทางจังหวัดยกระดับการป้องกันพื้นที่จังหวัดตรัง ไม่ให้บุคคลภายนอกนำเชื้อเข้ามาในพื้นที่ หลังพบว่าผู้ป่วยทั้ง 7 รายของจังหวัดตรัง เป็นคนติดเชื้อจากจังหวัดอื่นและต่างประเทศ แบ่งเป็นติดเชื้อจากจังหวัดภูเก็ต 3 ราย จากต่างประเทศ 2 รายและติดกันเอง 2 ราย ประกอบกับพบว่ายังมีการลื่นไหลของคนจากประเทศมาเลเซีย ภูเก็ต กระบี่ สงขลา พัทลุง รวมทั้งพื้นที่ 3 จังหวัดภาคใต้ และล่าสุดจังหวัดตรังยกให้จังหวัดสตูลเป็นพื้นที่เสี่ยงโรคระบาดเพิ่มอีก 1 จังหวัดหลังพบผู้ป่วยพุ่ง       

 โดยทางจังหวัดเตรียมออกคำสั่งยกระดับสกัดคนเข้าจังหวัดตรังเข้มข้นเพิ่มเติมจากประกาศเคอร์ฟิวของรัฐบาลนับจากวันที่ 10-30  เมษายนนี้หวังสกัดกั้นคนนอกพื้นที่นำเชื้อเข้ามาในพื้นที่โดยแบ่งออกเป็น 2 มาตรการสำคัญ ประกอบด้วย

1.มาตรการลดการแพร่ระบาดของโรคในพื้นที่เสี่ยง เช่น ปิดห้างสรรพสินค้า ยกเว้นในส่วนซึ่งเป็นแผนกซุปเปอร์มาร์เก็ต แผนกขายยาแผนกอาหาร แผนกสินค้าจำเป็น สินค้าวัสดุก่อสร้าง ธนาคาร แผนกระบบการสื่อสาร ร้านอาหาร รถเข็น ให้ซื้อกลับ โรงแรมบางแห่งที่เข้าหลักเกณฑ์กำหนด ยกเว้นโรงแรมที่ทางราชการใช้เพื่อการป้องกันและควบคุมเพื่อการแพร่ระบาด

 

2.มาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรค ด้วยการปิดช่องทางเข้า -ออก ในพื้นที่จังหวัดตรัง ยกเว้นด้านการแพทย์ -พยาบาล ขนส่งสินค้า ผลผลิตการเกษตร น้ำมันเชื้อเพลิง พัสดุภัณฑ์ เป็นต้น คนตรังที่เข้ามาในพื้นที่จะต้องมีใบรับรองแพทย์ และต้องกักตัวเองเป็นเวลา14วัน ส่วนคนที่เข้ามาปฏิบัติงานในพื้นที่หากเข้ามาแล้วห้ามออกจนกว่าจะสิ้นสุดสถานการณ์ฉุกเฉิน ชาวต่างประเทศจะต้องมีใบรับรองแพทย์ กรมธรรม์ประกันภัย และต้องกักตัวเอง14วัน กรณีกักตัวเองในสถานที่กักกันกลางของแต่ละอำเภอ ชาวต่างชาติจะต้องเสียค่าใช้จ่ายเองทั้งหมด จังหวัดจะไม่ออกให้ เป็นต้น และที่ประชุมมีมติเลือกมหาวิทยาลัยราชมงคลศรีวิชัยตรัง เป็นโรงพยาบาลสนาม

สำหรับสถานการณ์โรคโควิด-19จังหวัดตรัง พบผู้ติดเชื้อสะสม7คน รักษาหายกลับบ้านแล้ว5คน รักษาตัวอยู่โรงพยาบาล2คน เป็นภรรยาและสามี โดยสามีเป็นชาวต่างชาติและเป็นผู้ป่วยรายล่าสุด (รายที่7) ผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรค185คน ไม่พบเชื้อ166คน รอผลการตรวจ12คน