ธุรกิจเครื่องจักรกลหนักอาเซียนยอดพุ่ง

19 ก.ค. 2559 | 03:00 น.

Thansettakij เว็บไซต์ข่าวฐานเศรษฐกิจ ผนวกไลฟ์สไตล์ Start up SMEs อสังหาริมทรัพย์ การเงิน การลงทุน การตลาด เศรษฐกิจ เทคโนโลยี Breaking News อัพเดตข่าวล่าสุดที่นี่

ตลาดเครื่องจักรกลหนักอาเซียนแนวโน้มเติบโต คาดปี 59 ยอดรวม 1.2 หมื่นคัน “ลีดเวย์”นำทัพแบรนด์”ซูมิโตโม” เตรียมแผนบุกไทยและเมียนมา มั่นใจโกยยอดเข้าเป้า

นายคาซูฮิโกะ ซาซากิ ประธานกรรมการ บริษัท ซูมิโตโม คอนสตรัคชั่น แมชชีนเนอร์รี่ เซาท์อีสต์ เอเชีย เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดรถขุดทั่วโลกในปี 2559 มีปริมาณใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา โดยตลาดอาเซียนมีอัตราการเติบโตเล็กน้อย คาดว่าจะมียอดขาย 1.2 หมื่นคัน เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาที่ขายได้ 1.1 หมื่นคัน ขณะที่ซูมิโตโมมีส่วนแบ่งทางการตลาดในปี 2558 อยู่ที่ 5.8 % โดยปัจจุบัน ซูมิโตโม มีฐานการผลิต 3 แห่งคือประเทศญี่ปุ่น มีกำลังการผลิต 1 หมื่นคัน จีน มีกำลังการผลิต 5,000 คัน และอินโดนีเซีย มีกำลังการผลิต 1,000 คันและสามารถเพิ่มเป็น 2,000 คันหากมีความต้องการที่เพิ่มขึ้น

“ในภาพรวมของตลาดพบว่าจีนหดตัวลง ส่วนในญี่ปุ่นถือว่าคงที่ แต่ตลาดอเมริกาเหนือเติบโตเช่นเดียวกับตลาดอาเซียน ที่เราประเมินว่าความต้องการและโอกาสทางการตลาดมีสูง เนื่องจากจำนวนประชากรมีจำนวนกว่า 629 ล้านคน และประเทศอยู่ในกลุ่มกำลังพัฒนา ซึ่งมีความต้องการรถประเภทนี้ โดยเฉพาะในไทย พบว่ามีความต้องการรถขุดมากที่สุดเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ทำให้เราต้องให้ความสำคัญกับตลาดไทยมากขึ้น ”

ด้านนายฉกาจ แสนจัน กรรมการผู้จัดการบริษัท ลีดเวย์ เฮฟวี่ แมชชีนเนอรี่ จำกัด ตัวแทนจำหน่ายเครื่องจักรกลหนักจากญี่ปุ่น ภายใต้แบรนด์ ซูมิโตโม ในประเทศไทย เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดรถขุดในประเทศไทยในปี 2558 มีปริมาณ 4,200 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาที่มีปริมาณ 3,114 คัน โดยมีปัจจัยสนับสนุนคือ ภัยแล้ง ที่ทำให้รถขุดตักเป็นที่ต้องการ นอกจากนั้นแล้วโครงการของภาครัฐฯที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างไม่ว่าจะเป็น รถไฟฟ้า รถไฟรางคู่ การขยายสนามบิน ท่าเรือ หรือแม้แต่โครงการจัดการน้ำ ล้วนมีผลทำให้ตลาดมีการเติบโต

โดยลีดเวย์ มีการวางกลยุทธ์การตลาดด้วยการเป็น วัน สต็อป เซอร์วิส และนำเสนอจุดเด่นของผลิตภัณฑ์ อาทิ ประหยัดน้ำมัน มีการดัดแปลงสินค้าให้เหมาะสมกับความต้องการของลูกค้าในธุรกิจต่างๆ การเข้าหาลูกค้ากลุ่มธุรกิจพิเศษ และเน้นให้บริการหลังการขาย -อะไหล่ราคาพิเศษ อีกทั้งเตรียมขยายเครือข่ายเพิ่มเป็น 9 แห่งจากปัจจุบันมีจำนวน 7 แห่ง และภายใน 2 ปีเตรียมเปิดสาขาเพิ่มในพื้นที่ชายแดนได้แก่อำเภอ แม่สอด จังหวัดตาก อำเภอแม่สาย และอำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย

“เรามีสินค้าตั้งแต่รถขุดขนาดเล็ก 8-20 ตันไปจนถึงขนาดใหญ่ 40-80 ตัน สนนราคาตั้งแต่ 2 ล้าน -20 ล้านบาท ซึ่งเราจะนำเสนอจุดเด่นของสินค้าควบคู่ไปกับการเจาะตลาดอย่างใกล้ชิด และในอนาคตเราจะให้บริการครบทั้งการขายรถใหม่ รถมือสองและรถเช่า แต่ทั้งนี้ต้องรอความพร้อมของสถาบันการเงินที่จะเข้ามารองรับ”

นายฉกาจ กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากตลาดในประเทศแล้ว บริษัทฯได้รับสิทธิในการดูแลตลาดเมียนมา โดยมีตัวแทนจำหน่ายที่ได้แต่งตั้งภายใต้ชื่อ อ่อง เฮียง มิน ปัจจุบันมีสาขาจำนวน 5 แห่งและจะเปิดเพิ่มอีก 1 แห่งภายในสิ้นปี โดยบริษัทฯมีส่วนแบ่งทางการตลาด 3 – 4% จากตลาดรวมที่มีความต้องการรถขุดประมาณ 1,000 – 1,200 คัน

“สัดส่วนการขายของเรา เดิมในประเทศ 74 % และ เมียนมา 26% แต่ปัจจุบันสัดส่วนในประเทศ 36% และเมียนมา 64% หรือคิดเป็นมูลค่าในปีที่ผ่านมา แบ่งออกเป็นรายได้ในประเทศ 32 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และเมียนมา 55 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ถือเป็นตลาดที่มีอัตราการเติบโตสูงมาก โดยแผนงานของเราตอนนี้มีการพูดคุยกับสถาบันการเงินเพื่อสนับสนุนด้านสินเชื่อ ซึ่งหากสามารถตกลงได้ก็คาดว่าจะทำให้มีส่วนแบ่งทางการตลาดในเมียนมาเพิ่มขึ้นเป็น 7 -10%"

นายฉกาจ กล่าวเพิ่มเติมว่า ด้านผลการดำเนินงานในปีที่ผ่านมา มียอดขายรถขุดจำนวน 206 คัน หรือคิดเป็นส่วนแบ่งทางการตลาด 7% และในปี 2559 บริษัทฯได้วางเป้าหมายการขายไว้ที่ 300 คัน หรือคิดเป็นส่วนแบ่งทางการตลาด 7% ส่วนปี 2560 ตั้งเป้าการขายไว้ที่ 350 คัน หรือคิดเป็นส่วนแบ่งทางการตลาด 10 % ขณะที่ยอดขายรถปูยางมะตอยในปีที่ผ่านมามีจำนวน 12คัน คาดว่าสิ้นปีนี้จะขายได้ 35 คัน และสามารถขึ้นเป็นอันดับ 1 ของตลาดนี้ได้

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,175 วันที่ 17 - 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2559