Autonomous Drive คอนติเนนทอล พัฒนารถขนส่งอัตโนมัติ

23 ก.พ. 2564 | 04:30 น.

Autonomous Drive เทคโนโลยียานยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ ปัจจุบันหลายบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ และบริษัทที่ไม่ได้อยู่ในธุรกิจรถยนต์เดิม กำลังพัฒนาอย่างขะมักเขม้น โดยใช้ความถนัดของตนเองร่วมมือกับพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน

นอกจากเป้าหมายเรื่องความปลอดภัยบนท้องถนน หรือช่วยลดต้นทุนของผู้ประกอบการในระยะยาวแล้ว Autonomous Drive ยังต้องเผชิญกับความท้าทายสำคัญอย่างข้อกฎหมายในการนำมาใช้จริงบนท้องถนน ซึ่งแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ

ขั้นสุดของระบบ Autonomous Drive ในรถยนต์ทั่วไป อาจยังพัฒนาเพื่อขายในเชิงพาณิชย์ไม่ได้ (แต่ในปัจจุบันระบบช่วยขับขี่อัตโนมัติระดับเริ่มต้นถูกนำมาใช้ในรถยนต์หลายรุ่นแล้ว) แต่เชื่อว่าไม่เกิน 5 ปีนี้ จะเริ่มเห็นความชัดเจนโดยเฉพาะการนำมาใช้เป็นรถสาธารณะในบางประเทศ

อีกด้านหนึ่ง คอนติเนนทอล ซัพพลายเออร์รายใหญ่จากเยอรมนี ได้นำความรู้ความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยียานยนต์ มาพัฒนารถขนส่งด้วยตัวเองอัตโนมัติ ( aAGV-autonomous Automated Guided Vehicles) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตที่โรงงานของตนเองในยุโรป และเตรียมต่อยอดเทคโนโลยีในอนาคต

Autonomous Drive คอนติเนนทอล พัฒนารถขนส่งอัตโนมัติ

รถขนส่งด้วยตัวเองอัตโนมัติ (aAGV) รองรับอุตสาหกรรมยุค 4.0 โดยรถรุ่นนี้สามารถขนส่งสิ่งของที่หนักกว่าหนึ่งตันได้ เหมาะสมกับธุรกิจหลายประเภท เช่น โลจิสติกส์ และการใช้งานผ่านแอปพลิเคชัน ต่างๆ ที่ใช้วิธีการขนส่งสินค้าอัตโนมัติเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน

ในขั้นตอนการพัฒนารถหุ่นยนต์รุ่นแรกคอนติเนนทอลได้ทดสอบรถขนวัสดุในการผลิตเบรค ที่ขับขี่ด้วยตนเองจากจุดเริ่มต้นถึงปลายทาง ด้วยการกำหนดตนเองไปยังทิศทางที่ถูกต้องและหลีกเลี่ยงกีดขวางได้ด้วยการถ่ายทอดเทคโนโลยีที่ใช้ในรถยนต์นั่งส่วนบุคคล ที่ตนเองมีความเชี่ยวชาญอยู่แล้ว เช่น เรดาร์ กล้อง อัลตราโซนิก และ Lidar รวมถึงฟิวชั่นเซ็นเซอร์และแบบจำลองสภาพแวดล้อม

ทีมงานคอนติเนนทอล ใช้ประสบการณ์จากอุตสาหกรรมยานยนต์ ตัวอย่างเช่น การนำเซ็นเซอร์ที่ใช้ในรถยนต์ส่วนบุคคลมารวมกับเทคโนโลยีการควบคุม รวมถึงระบบเมคคาทรอนิกส์และวิศวกรรมเครื่องกลทั่วไป มาต่อยอดในการออกแบบและผลิต ไปจนถึงการประกอบรถ aAGV โดยมีเพียงระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าและซอฟต์แวร์สำหรับควบคุมยานพาหนะเท่านั้น ที่เป็นเทคโนโลยีทั่วไปตามท้องตลาด

ทั้งนี้ รถขนส่งอัตโนมัติจะมีบทบาทสำคัญต่อการหมุนเวียนวัสดุในโรงงานดิจิทัล ซึ่งช่วยลดการทำกิจกรรมหนักๆ เช่น การขับรถยก การเร่งขนส่ง แจกแจงจำนวนสินค้าและที่จัดเก็บ และทำให้ขั้นตอนการทำงานเป็นไปตามการคาดการณ์มากขึ้น

อย่างไรก็ตาม ทีมพัฒนาได้นำประสบการณ์ที่เกิดขึ้นจริงจากการผลิตในภาคอุตสาหกรรม มาใช้ในการทดสอบอย่างต่อเนื่องจนเกิดเป็นแผนการผลิตขึ้นมา ซึ่งคาดว่าจะเริ่มผลิตหลังจากการทดสอบเสร็จสิ้น และยังมีแผนต่อมาในการนำเสนอระบบการใช้งานให้กับองค์กรอื่นๆ นอกจากคอนติเนนทอลอีกด้วย 

 

หน้า 18 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,655 วันที่ 21 - 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564