นิสสัน ปิดโรงงาน อินโดนีเซีย-โยกงานมาไทย

29 พ.ค. 2563 | 00:38 น.

นิสสัน มอเตอร์ ประกาศ "ปิดโรงงานผลิตรถยนต์" ในประเทศอินโดนีเซีย ชูไทยเป็นฐานการผลิตแห่งเดียวในอาเซียน

วานนี้ (28 พ.ค.) นิสสัน มอเตอร์ ประเทศญี่ปุ่น ประกาศแผนธุรกิจระยะ 4 ปี เพื่อสร้างการเติบโตที่ยั่งยืน สร้างเสถียรภาพทางการเงิน และความสามารถในการสร้างผลกำไร ภายในสิ้นปีงบประมาณปี พ.ศ. 2566 พร้อมปรับยุทธศาสตร์ฐานการผลิตในหลายภูมิภาค เตรียมปิดโรงงานที่บาร์เซโลน่า ประเทศสเปน และอินโดนีเซีย โดยหันมาเพิ่มบทบาทโรงงานประเทศไทย ถนนบางนา ตราด กม.21-22 จ.สมุทรปราการ ให้เป็นฐานการผลิตสำคัญของภูมิภาคนี้ 

ภายใต้แผนระยะ 4 ปีนี้ นิสสันตัดสินใจที่จะปฏิรูปการดำเนินงานให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด โดยลดธุรกิจที่ไม่ทำกำไรและโรงงานที่เกินความจำเป็นลง ควบคู่ไปกับการปรับโครงสร้างองค์กร พร้อมลดต้นทุนคงที่ ซึ่งพิจารณากำลังการผลิตรถยนต์รุ่นต่างๆ ที่จำหน่ายอยู่ทั่วโลก และรวมค่าใช้จ่ายต่างๆ ภายใต้การบริหารจัดการ อย่างมีระเบียบแบบแผน

นิสสันปิดโรงงาน บางแห่งในโลก โดย มาโคโตะ อูชิดะ ซีอีโอ นิสสัน ประกาศวานนี้

สำหรับแนวทางปฏิบัติเพื่อปรับโครงสร้าง ลดต้นทุน และเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต วางไว้ดังนี้ 

- ปรับอัตราการผลิตของนิสสันลง 20% ให้เหลือเพียง 5.4 ล้านคันต่อปี ภายใต้การปฏิบัติงานตามช่วงเวลาการทำงานตามมาตรฐานปกติ  
- เพิ่มอัตราการใช้กำลังการผลิตให้ได้มากกว่า80% เพื่อเพิ่มผลกำไร
- ลดจำนวนรุ่นรถยนต์ทั่วโลกลง 20% (ให้เหลือเพียง 55 รุ่น จากเดิม 69 รุ่น)
- ลดต้นทุนแบบคงที่ลงประมาณ 3 แสนล้านเยน (ประมาณ 9 หมื่นล้านบาท) 
- ยุติการดำเนินงานของโรงงาน ณ บาร์เซโลน่า ในภูมิภาคยุโรปตะวันตก
- ควบรวมการผลิตของรถยนต์รุ่นสำคัญต่าง ๆ ในอเมริกาเหนือ
- นิสสันปิดโรงงาน ในประเทศอินโดนีเซีย และมุ่งให้ความสำคัญกับโรงงานในประเทศไทย ซึ่งเป็นฐานการผลิตแห่งเดียวในอาเซียน
- ร่วมมือบริษัทในกลุ่มพันธมิตรในการใช้ทรัพยากร เช่น การผลิต รุ่นรถยนต์ และเทคโนโลยีต่าง ๆ ร่วมกัน

ภายใต้ประกาศนี้ สอดคล้องกับความเห็นของ นายราเมช นาราสิมัน ประธาน นิสสัน มอเตอร์ ประเทศไทย ว่า ไทยเป็นฐานการผลิตสำคัญของภูมิภาคนี้

“กลยุทธ์ในไทยไม่มีการเปลี่ยนแปลง เรามุ่งมั่น 100% ในการขับเคลื่อนธุรกิจในไทย เพราะที่ผ่านมานิสสัน มอเตอร์ ประเทศไทย มีบทบาทสำคัญมากอยู่แล้ว เช่นเดียวกับกับการลงทุน 1 หมื่นล้านบาท ในโครงการรถยนต์ไฟฟ้า เปิดตัวด้วยนิสสัน คิกส์ อี-พาวเวอร์ เป็นประเทศแรกของโลก และเป็นประเทศที่ 2 ต่อจากญี่ปุ่นที่ได้ผลิตเทคโนโลยีนี้” นายราเมช กล่าว