หุ้นเทคโนโลยีร่วง ฉุดดาวโจนส์ปิดลบ 123 จุด

19 เมษายน 2564

ดาวโจนส์ปิดลบ 123.04 จุด ได้รับปัจจัยลบจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ขณะที่นักลงทุนจับตารายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน

ดัชนีดาวโจนส์ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (19 เม.ย.) โดยได้รับปัจจัยลบจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี  ขณะที่นักลงทุนจับตารายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน รวมทั้งข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงยอดขายบ้านใหม่เดือนมี.ค.

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,077.63 จุด ลดลง 123.04 จุด หรือ -0.36% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,163.26 จุด ลดลง 22.21 จุด หรือ -0.53%  ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,914.77 จุด ลดลง 137.58 จุด หรือ -0.98%

นักวิเคราะห์จากบริษัทสปาร์แทน แคปิตอล ซิเคียวริตีส์ในรัฐนิวยอร์กกล่าวว่า นักลงทุนชะลอการซื้อขายหลังจากตลาดพุ่งทำนิวไฮในสัปดาห์ที่แล้ว นอกจากนี้ ยังมีนักลงทุนบางกลุ่มที่เข้ามาเทขายทำกำไร ก่อนที่บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่จะเปิดเผยผลประกอบการ

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลงและเป็นปัจจัยฉุดตลาดปิดในแดนลบ โดยหุ้นไมครอน เทคโนโลยี ลดลง 2.48% หุ้นอินเทล ลดลง 1.73% หุ้นไมโครซอฟท์ ลดลง 0.77% หุ้นแอมะซอนดอทคอม ลดลง 0.8% หุ้นเฟซบุ๊ก ลดลง 1.29% หุ้น Nvidia ลดลง 3.46%

หุ้นกลุ่มสินค้าผู้บริโภคปรับตัวลง ก่อนที่บริษัทผู้จำหน่ายสินค้าผู้บริโภคหลายแห่งจะเปิดเผยผลประกอบการ โดยหุ้นฟิลลิป มอร์ริส อินเตอร์เนชันแนล ลดลง 1.35% หุ้นไทสัน ฟู้ดส์ ปรับตัวลง 0.46% หุ้นคิมเบอร์ลีย์-คล้าค ลดลง 0.17% หุ้นพร็อคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล (P&G) ลดลง 0.44%

หุ้นกลุ่มธุรกิจบล็อกเชนร่วงลงหลังจากราคาบิตคอยน์ทรุดตัวลงอย่างหนักในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยหุ้น Riot Blockchain ลดลง 8.38% หุ้น Marathon Patent ลดลง 8.68 % หุ้น Silvergate Capital ลดลง 5.95%

หุ้นคคา โคล่า ดีดตัวขึ้น 0.47% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรในไตรมาส 1 ที่ระดับ 55 เซนต์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 50 เซนต์/หุ้น

หุ้นฮาร์ลีย์-เดวิดสัน ผู้ผลิตมอเตอร์ไซค์รายใหญ่ของสหรัฐ พุ่งขึ้น 9.68% หลังบริษัทเปิดเผยกำไรในไตรมาส 1 ที่ระดับ 1.68 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 88 เซนต์/หุ้น

นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีกิจกรรมเศรษฐกิจทั่วประเทศเดือนมี.ค.จากเฟดชิคาโก, ยอดขายบ้านมือสองเดือนมี.ค., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นต้นเดือนเม.ย.จากมาร์กิต, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นต้นเดือนเม.ย.จากมารฺ์กิต และยอดขายบ้านใหม่เดือนมี.ค.

นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 27-28 เม.ย. หลังเฟดเปิดเผยรายงานการประชุมประจำวันที่ 16-17 มี.ค. โดยระบุว่า เฟดจะยังคงใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินต่อไปจนกว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะฟื้นตัวอย่างยั่งยืน