ทริคง่ายๆ ก่อนเข้าสนามลงทุน

19 ม.ค. 2564 | 19:00 น.

การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้เราตระหนักได้ว่า อะไรๆก็เกิดขึ้นได้ งานที่มองว่ามั่นคงก็กลายเป็นความเสี่ยง  อยู่ดีๆ ก็อาจตกงานได้ รายได้หดหาย ใครที่มีเงินออมไม่เพียงพอย่อมเกิดภาวะช็อกได้  ดังนั้นอนาคตเป็นสิ่งไม่แน่นอน การมีเงินออมไว้เป็นสิ่งที่ช่วยให้เราอุ่นใจ ขณะเดียวกันเมื่อมีเงินออม เรายังสามารถนำเงินออมไปต่อยอดทำให้งอกเงยเพิ่มขึ้นได้อีกด้วยไม่ว่า จะเป็นการฝากประจำธนาคาร การลงทุนในหุ้น หรือซื้อสลากออมทรัพย์ แต่ก่อนที่เราจะก้าวสู่สนามการลงทุน นักลงทุนมือใหม่ การเตรียมความพร้อมเป็นเรื่องสำคัญ วันนี้มาดูทริคง่ายๆ ว่า เราต้องเตรียมตัวอย่างไร 

 

1.รู้จักตนเอง

ใครที่ยังจับต้นชนปลายไม่ถูก มาเริ่มจาก “รู้จักตัวเอง” ให้ลึกซึ้งก่อนว่า เรามีเป้าหมายการลงทุนอะไร ต้องการใช้เงินมากน้อยแค่ไหนและต้องการบรรลุเป้าหมายเมื่อไหร่ จากนั้นก็ค่อยพิจารณา “เงื่อนไขการลงทุน” ว่า เราอายุเท่าไหร่ ชอบ สนใจ ถนัด สินทรัพย์ประเภทไหน มีประสบการณ์ลงทุนมั้ย มีเงินลงทุนมากน้อยแค่ไหน ต้องการผลตอบแทนรูปแบบใด เท่าไหร่ มีเวลาติดตามข่าวสารด้านการลงทุนมั้ย และที่สำคัญ... เมื่อมันขาดทุน เราจะยอมรับได้มากน้อยแค่ไหน แต่หากได้กำไร จะเพิ่มวงเงินลงทุนหรือไม่ ประเด็นสำคัญคือ ต้องรู้ว่าเรา “ยอมรับความเสี่ยงได้แค่ไหน” ด้วย 

 

2.รู้จักทางเลือกลงทุน

เมื่อรู้จักตัวเองมากขึ้น ก็ต้องทำความรู้จักกับสิ่งที่เราจะลงทุนด้วย เพราะนอกจาก “เงินฝากธนาคาร” ก็ยังมีอีกหลายทางเลือกมาก ไม่ว่าจะเป็นหุ้น ที่เราร่วมลงทุนเป็นเจ้าของกิจการโดยไม่ต้องนับหนึ่ง ตราสารหนี้ ความเสี่ยงไม่มาก ได้ผลตอบแทนสมํ่าเสมอ กองทุนรวม เงินลงทุนจะเติบโตผ่านมืออาชีพ หรือที่วับซ้อนขึ้นก็เป็น อนุพันธ์ ที่สามารถทำกำไรได้ทั้งตลาดขาขึ้นและขาลง หรือ DW ที่ใช้เงินลงทุนน้อย แต่มีโอกาสสร้างผลตอบแทนสูง และ ETF ซื้อง่าย ขายคล่อง ผลตอบแทนตามดัชนี 

ทริคง่ายๆ ก่อนเข้าสนามลงทุน

 

 

3.วิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานและเทคนิค 

ไม่ว่าเลือกลงทุนทางใด ก็ควรเข้าใจ “ปัจจัยพื้นฐาน” ที่เกี่ยวข้องด้วย เพราะราคาจะขึ้นลงตามปัจจัยที่มากระทบ ซึ่งเราสามารถใช้การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานมากำหนดกรอบการลงทุนให้แคบลง ด้วยวิธีง่ายๆคือ ดูภาพรวมเศรษฐกิจว่า ปัจจุบันเป็นอย่างไรและมีแนวโน้มที่ดีในอนาคตหรือไม่ จะส่งผลกระทบกับแต่ละสินทรัพย์หรือแต่ละอุตสาหกรรมในเชิงบวกหรือเชิงลบอย่างไร และหลังจากค้นพบสินทรัพย์ที่น่าสนใจลงทุนแล้ว ก็ต้องนำราคาตลาดของสินทรัพย์ดังกล่าวมาเปรียบเทียบกับมูลค่าที่แท้จริงของสินทรัพย์นั้น เพื่อดูว่า... ราคาสูงเกินกว่าที่ควรจะเป็น หรือ ราคาตํ่าเหมาะสมที่จะลงทุน และใช้เครื่องมือในการวิเคราะห์ “ปัจจัยเทคนิค” เป็นตัวช่วยกำหนดจุดซื้อ-จุดขาย เพื่อให้ประสบผลสำเร็จในการลงทุน

 

4.สร้างพอร์ตและจัดทำคัมภีร์ลงทุน

แม้ว่าเราเริ่มรู้จักทางเลือกลงทุนและรู้จักวิธีวิเคราะห์มากขึ้น ก็อย่าเพิ่งใจร้อนรีบลงทุนเลย เพราะการลงทุนที่ดี และประสบความสำเร็จจะต้องมี “การสร้างพอร์ตลงทุนที่เหมาะกับตนเอง” ซึ่งพอร์ตการลงทุนที่ดีนั้น ต้องกระจายความเสี่ยงได้อย่างสมดุล ไม่ใช้เงินจำนวนมากลงทุนในสินทรัพย์เดียวจนหมด แต่ก็ต้องไม่หลากหลายหรือกระจายจนเกินไป เพราะจะทำให้เราติดตามดูแลยาก รวมทั้ง ต้องมีความยืดหยุ่น สามารถเปลี่ยนแผนลงทุนให้เข้ากับสถานการณ์ได้

ทริคง่ายๆ ก่อนเข้าสนามลงทุน

 

 

5.ลงมือทำตามแผน

เมื่อเตรียมทุกอย่างแล้ว ก็ต้องเดินหน้า อันดับแรก ก็ต้อง “เปิดบัญชี” เพื่อใช้ในการซื้อหรือขายก่อน ซึ่งกรณีลงทุนหุ้น ETF ตราสารหนี้ DW หรืออนุพันธ์ ต้องเปิดบัญชีกับบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า “โบรกเกอร์” ส่วนการลงทุนในกองทุนรวม การเปิดบัญชีครั้งแรก ต้องเปิดบัญชีกับบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) แต่ละแห่ง หรือตัวแทนขายของ บลจ. แต่ครั้งถัดๆ ไป ก็จะซื้อขายสะดวกมากขึ้น เพราะซื้อขายผ่านอินเตอร์เน็ตได้เลย 

 

6.ติดตามและทบทวนแผนการลงทุนสมํ่าเสมอ 

เมื่อเริ่มลงทุนไปแล้ว ต้องขยันติดตามผลกันหน่อยนะ อาจทุก 6 เดือน หรือ 1 ปีก็ได้ แล้วแต่ความสะดวก โดยดูว่า ผลตอบแทนที่ได้เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งใจไว้แล้วหรือยัง หากไม่ เราก็จะได้ “ปรับพอร์ตการลงทุน” ได้ทันเวลาอันสมควรด้วย 

 

ที่มา : หน้า 18 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ  ฉบับที่ 3,646 วันที่ 21 - 23 มกราคม พ.ศ. 2564

 

การบินไทย ขายทิ้งหุ้น BAFS 15.53% หาเงินเข้ากระเป๋า 2.7 พันล้าน

พักหนี้ต่อ 6 เดือน ไม่สะเทือนหุ้นแบงก์

สรุป มาตรการแก้หนี้รายย่อย เยียวยาโควิดรอบ 2 ล่าสุด

เปิดรายละเอียด 5 มาตรการ "ธนาคารออมสิน" เยียวยาโควิดรอบ2

ธปท. ออกมาตรการด่วนแก้หนี้ "เยียวยาโควิดรอบ 2"