ดาวโจนส์ปิดลบ 124 จุด รอบสัปดาห์นี้บวก 0.4%

18 ธ.ค. 2563 | 23:39 น.

ดาวโจนส์ปิดลบ 124.32 จุด นักลงทุนขายทำกำไร ขณะจับตารอสภาคองเกรสอนุมัติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ โดยในรอบสัปดาห์นี้ ดัชนีดาวโจนส์ บวก 0.4%

ดัชนีดาวโจนส์ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้(18 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนขายหุ้นออกมาเพื่อทำกำไร หลังจากดัชนีดาวโจนส์, ดัชนี S&P500 และ ดัชนี Nasdaq ปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในช่วงเปิดตลาด โดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีในดัชนี S&P500 ถ่วงตลาดลงมากที่สุดหลังจากที่นำตลาดปรับตัวขึ้นในสัปดาห์นี้ นอกจากนี้ นักลงทุนยังชะลอการเข้าซื้อหุ้น ขณะจับตารอสภาคองเกรสอนุมัติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่
          

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 30,179.05 จุด ลดลง 124.32 จุดหรือ -0.41%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,709.41 จุด ลดลง 13.07 จุด หรือ -0.35% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,755.64 จุด ลดลง 9.11 จุด หรือ -0.07%
          

ในรอบสัปดาห์นี้ ดัชนีดาวโจนส์ บวก 0.4%, ดัชนี S&P500 เพิ่มขึ้น 1.3% และดัชนี Nasdaq ปรับตัวขึ้น 3.1%
          

ตลาดถูกกดดันจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการทำข้อตกลงกระตุ้นเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากโรคโควิด-19 โดยมีแนวโน้มมากขึ้นที่สภาคองเกรสสหรัฐจะไม่สามารถบรรลุข้อตกลงเยียวยาเศรษฐกิจรอบใหม่วงเงิน 9 แสนล้านดอลลาร์ได้ทันกำหนดเส้นตายในวันศุกร์นี้ แต่อาจจะอนุมัติกฎหมายงบประมาณชั่วคราวฉบับที่ 3 แทน เพื่อให้รัฐบาลสหรัฐสามารถดำเนินงานต่อไปได้โดยไม่ต้องชัตดาวน์หลังเที่ยงคืนวันศุกร์นี้
          

อย่างไรก็ตาม นายมิตช์ แมคคอนเนลล์ ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภากล่าวว่า แกนนำในสภาคองเกรสใกล้ที่จะบรรลุข้อตกลงในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจแล้ว โดยการเจรจาอาจดำเนินไปอย่างต่อเนื่องในช่วงสุดสัปดาห์นี้
          

หุ้นเทสลาปรับตัวขึ้นสวนทางตลาด โดยพุ่งขึ้น 5.96% หลังปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์และมีปริมาณการซื้อขายหนาแน่น เนื่องจากได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า หุ้นเทสลาจะได้รับการคำนวณรวมในดัชนี S&P500 ในวันจันทร์ที่ 21 ธ.ค.นี้ ซึ่งเทสลาจะเป็นบริษัทที่มีมูลค่าหุ้นสูงสุดที่ถูกรวมในดัชนีดังกล่าว
          

ภาวะซื้อขายในตลาดเป็นไปอย่างผันผวน และมีปริมาณการซื้อขายหนาแน่น เนื่องจากวันศุกร์นี้ตรงกับวัน quadruple witching ซึ่งเป็นวันครบกำหนดส่งมอบออปชั่นและสัญญาล่วงหน้ารายไตรมาสของหุ้นและดัชนีต่างๆ พร้อมกัน ซึ่งทำให้เป็นวันที่มีการซื้อขายที่คึกคักมากที่สุดวันหนึ่งของปีนี้      


          

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ Conference Board รายงานว่า ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจ Leading Economic Index (LEI) ปรับตัวขึ้น 0.6% ในเดือนพ.ย. โดยดีดตัวขึ้น 7 เดือนติดต่อกัน และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.5% โดยการปรับตัวขึ้นของดัชนี LEI ซึ่งถือเป็นสิ่งบ่งชี้ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐนั้น ได้แรงหนุนจากการลดลงของตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงาน และการเพิ่มขึ้นของคำสั่งซื้อใหม่, ตัวเลขการอนุญาตสร้างบ้าน และการดีดตัวของตลาดหุ้น