BTS โชว์กำไรสุทธิปี 2562/63 ทะลุ 8.2 พันล้านบาท

02 มิถุนายน 2563

บีทีเอส กรุ๊ป รายงานกำไรสุทธิ ปี 2562/63 ทะลุ 8.2 พันล้านบาท เติบโต184% จากปีก่อน พร้อมจ่ายปันผลหุ้นละ 0.15 บาท วันที่ 14 ส.ค 63

 

บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) (บีทีเอส กรุ๊ป) เผยผลประกอบการปีงบประมาณ 2562/63 (เมษายน 2562 ถึง มีนาคม 2563) แม้จะได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีงบประมาณ แต่สามารถทำกำไรสุทธิในปีนี้เพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่น 184% จากปีก่อน แตะ 8.2 พันล้านบาท

ขณะที่กำไรสุทธิหลังหักภาษีจากรายการที่เกิดขึ้นเป็นประจำสร้างสถิติสูงสุด ที่ 4.8 พันล้านบาท เติบโต 47% จากปีก่อน ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นในธุรกิจระบบขนส่งมวลชน ธุรกิจสื่อโฆษณาและธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมที่เพิ่มขึ้น รายได้รวมจำนวน 42.2 พันล้านบาท โดยมีรายได้จากธุรกิจระบบขนส่งมวลชนเป็นรายได้หลัก ในส่วนธุรกิจสื่อโฆษณา มีผลการดำเนินงานเติบโตแข็งแกร่งแสดงกำไรสุทธิสูงสุดใหม่ ที่ 1.4 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 29% จากปีก่อน

สำหรับธุรกิจระบบขนส่งมวลชน โครงข่ายระบบขนส่งมวลชนทางรางที่อยู่ในระหว่างการพัฒนาของเรายังคงมีพัฒนาการรุดหน้าต่อเนื่องเป็นอย่างมาก โดยในปี 2562/63 มีรายได้ค่าก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูและสีเหลืองและรายได้จากการให้บริการติดตั้งงานระบบและจัดหารถไฟฟ้าขบวนใหม่ภายใต้สัญญาสัมปทานสำหรับโครงการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีเขียวใต้และเหนือ จำนวน 25.2 พันล้านบาท ด้านรายได้จากการให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุง (O&M) ประจำปี 2562/63 เพิ่มขึ้น 65% YoY เป็น 3.8 พันล้านบาท บรรลุเป้าหมายที่วางไว้ที่ 3.4 พันล้านบาท ปัจจัยหลักมาจากการเปิดให้บริการโครงการส่วนต่อขยายสายสีเขียวใต้ทั้งสายตั้งแต่เดือนธันวาคม 2561 รวมถึงการทยอยเปิดให้บริการ 5 สถานีแรกของโครงการส่วนต่อขยายสายสีเขียวเหนือในปี 2562 

นอกจากนี้ เรายังตั้งเป้าการเปิดทดลองให้บริการโครงการดังกล่าวอีก 4 สถานี ถึงสถานีวัดพระศรีมหาธาตุ ในเดือนมิถุนายน 2563 และคาดว่าจะเปิดให้บริการสถานีที่เหลือภายในสิ้นปี 2563 ทั้งนี้ เราคาดว่าการเปิดให้บริการสถานีใหม่ๆ จะเป็นปัจจัยหนุนหลักของการเติบโตของรายได้ O&M ในอนาคต สำหรับโครงการคมนาคมขนส่งอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นโครงการสนามบินนานาชาติอู่ตะเภาและโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองนั้น คาดว่าจะเห็นความคืบหน้าเป็นอย่างมากในปี 2563/64 ภายหลังการลงนามในสัญญาที่คาดว่าโครงการสนามบินนานาชาติอู่ตะเภาจะสามารถลงนามได้ในเดือนมิถุนายน 2563 และโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองในเดือนกรกฎาคม 2563

ในฝั่งธุรกิจสื่อโฆษณา บริษัท วีจีไอ จำกัด (มหาชน) หรือ VGI ซึ่งเป็นผู้ให้บริการแบบ Offline-to-Online (O2O) โซลูชั่นส์ สามารถสร้างสถิติรายได้และกำไรสุทธิสูงสุดใหม่ โดยมีรายได้ 4 พันล้านบาท เติบโต 11% YoY และกำไรสุทธิ 1.4 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 1.1 พันล้านบาทในปีก่อน โดยมีหน่วยธุรกิจใหม่ของ VGI อย่าง VGI Digital Lab ที่จะใช้ฐานข้อมูลในการให้บริการแบบดิจิทัล สร้างผลการดำเนินงานแข็งแกร่งทะลุเป้ารายได้ปีแรกที่วางไว้ 150 ล้านบาท

นอกจากนี้ VGI ยังได้ยกเลิกการควบรวมงบการเงินบริษัท มาสเตอร์ แอด จำกัด (มหาชน) หรือ MACO เริ่มตั้งแต่ไตรมาส 4 ปี 2562/63 เป็นต้นไป อันเป็นผลมาจากการลดสัดส่วนการถือหุ้นของ VGI ใน MACO จากการขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน ให้แก่บริษัท แพลน บี มีเดีย จำกัด (มหาชน) (PlanB) ทั้งนี้ การยกเลิกการควบรวมงบการเงินดังกล่าวทำให้อัตรากำไรสุทธิของ VGI ดียิ่งขึ้น โดย VGI มีอัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 35.6% และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีกในไตรมาสต่อๆ ไป
 

กวิน กาญจนพาสน์

นายกวิน กาญจนพาสน์  กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บีทีเอส กรุ๊ป กล่าว จากผลการดำเนินงานที่โดดเด่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่ามกลางสภาวะความไม่แน่นอนต่างๆ ในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ที่เริ่มระบาดตั้งแต่เดือนธันวาคม 2562 สะท้อนให้เห็นถึงพื้นฐานทางธุรกิจที่แข็งแกร่งของเรา รูปแบบธุรกิจและโครงสร้างรายได้ที่หลากหลาย รวมถึงความสามารถของบริษัทฯ ในการก้ามข้ามผ่านความท้าทายต่างๆ ในสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน 

ทั้งนี้ เราคาดว่าปี 2563/64 จะเป็นอีกปีแห่งความท้าทายเมื่อโลกของเราเปลี่ยนแปลงเข้าสู่สภาวะปกติแบบใหม่ (new normal) อย่างไรก็ดี เราเชื่อว่าปีงบประมาณใหม่ที่กำลังจะมาถึงนี้ จะเป็นปีที่น่าตื่นใจสำหรับเรา ด้วยโครงการใหม่ๆ ที่กำลังจะเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นโครงการสนามบินนานาชาติอู่ตะเภา หรือโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง อีกทั้ง เรายังเปิดกว้างในการหาพันธมิตรในหลากหลายอุตสาหกรรมเพื่อสร้าง Synergy และเพิ่มมูลค่าให้แก่ธุรกิจของเรา

นอกจากผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งแล้วนั้น บีทีเอส กรุ๊ป ยังให้ความสำคัญในด้านเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อมและสังคมผ่านแนวคิดในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับวิสัยทัศน์ ‘City Solutions’ ของบริษัทฯ ที่มุ่งหวังจะยกระดับการใช้ชีวิตของคนเมืองอย่างยั่งยืน โดยเราสนับสนุนกรอบแนวคิดด้านสิ่งแวดล้อม สังคมและการกำกับดูแลกิจการที่ดี (ESG) ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้รับการยอมรับจากหลากหลายสถาบันด้านความยั่งยืนชั้นนำทั่วโลก ดังเห็นได้จากการได้รับคัดเลือกเข้าเป็นสมาชิกของดัชนีดาวน์โจนส์เพื่อความยั่งยืน ประจำปี 2562 และได้รับคัดเลือกเข้าอยู่ในรายชื่อหุ้นยั่งยืนปี 2562 โดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย อีกทั้ง บีทีเอส กรุ๊ป ยังได้รับรางวัล the Best Green Bond ในหมวดคมนาคมขนส่งและโครงสร้างพื้นฐานจากการออกหุ้นกู้เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ในงาน The Asset Triple A Sustainable Capital Markets Regional Awards 2019 และยังได้รับรางวัลความยั่งยืนระดับ Silver Class ที่จัดอันดับโดย RobecoSAM ซึ่งแสดงอยู่ใน The Sustainability Yearbook 2020 

นอกจากนี้มติคณะกรรมการบริษัท ฯ เมื่อวันที่ 1 มิ.ย.2563  แจ้งจ่ายปันผลให้กับผู้ถือหุ้นเป็นเงินสด สำหรับงวดดำเนินงานวันที่  1 เม.ย. 2562 ถึงวันที่ 31 มี.ค. 2563  และกำไรสะสม ในอัตราหุ้นละ 0.15 บาท โดยกำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) วันที่ 29 ก.ค. 2563 และกำหนดวันจ่ายวันที่ 14 ส.ค. 2563